Monday - Sunday : 06.00 A.M. - 11.59 P.M.
KNmasters
เพิ่มเพื่อน
Knmasters
4 เทคนิคเลือก Keyword ให้ปัง เพื่อการทำ Google AdWords ที่ดี
KNmasters

Share This Post

หากพูดถึงการทำโฆษณา Google AdWords ไม่ว่าจะเป็น Google Search หรือ Google Display Network สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้ทำธุรกิจควรคำนึงถึงไว้เสมอคือ Keyword เนื่องจากเป็นคำหลักที่จะแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า โฆษณาของคุณมีความเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการที่จะสื่อ และสิ่งที่จำเป็นอย่างที่สุดคือการแนะนำ Keyword ที่จะนำมาใช้ในการทำ Google AdWords ของคุณให้ประสบความสำเร็จที่นำมาเป็นแนวทางในวันนี้คือ

1. การใช้เครื่องมือ Keyword Planner และ Google Trend

Keyword Planner สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ทำธุรกิจ Google AdWords ทุกแขนงนำไปเป็นตัวช่วยในการวางแผนโฆษณาของตัวเองฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นเครื่องมือที่ Google สร้างขึ้นมา ซึ่งการทำงานของระบบ Keyword Planner นี้จะทำการประมวลให้ผู้ทำธุรกิจทราบว่า Keyword ตัวไหนบ้างที่สอดคล้อง เหมาะสมกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ และ Keyword ตัวนั้นๆหากทางผู้ทำธุรกิจนำไปใช้จะมีราคา Bid อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ รวมไปถึงยังช่วยประเมินจำนวนของคู่แข่ง และราคาของ Bid ที่ทางคู่แข่งเสนอมาอีกด้วย

Google Trend คือ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ Google สร้างขึ้นมาเพื่อให้นักการตลาด Google Adwords สามารถเข้ามาในเว็บไซต์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการค้นหา “คำ” หรือ “ความสนใจ” ของคนในโลกออนไลน์ได้ เป็นผลมาจากการใช้งานของ Search Engine ของ Google ทางระบบจะทำการจัดเก็บข้อมูลการค้นหาของคนในออนไลน์ไว้ทั้งหมดและจากนั้นจะนำข้อมูลมาประมวลผลเป็นสถิติส่งกลับมาให้ผู้ทำธุรกิจเข้าไปเพื่อตรวจสอบดูได้ว่าความนิยมของคำค้นหาที่จะเลือกใช้เป็น Keyword หรือเว็บไซต์ในช่วงเวลาขณะนั้นคืออะไร เพื่อนำไปปรับใช้ ประยุกต์ ต่อยอด ในการทำโฆษณาต่อไป

2. มาทำความรู้จัก Keyword 5 ประเภท เพื่อนำไปตั้งให้ตรงกลุ่ม Package

1. Broad Keyword

คือ Keyword ที่มีหลักการทำงานแบบกว้างๆ เมื่อมีคนเสิร์ช Keyword จำพวกนี้ ระบบของ Search Engine จะไม่แสดงเพียงแต่ผลลัพท์ที่ตรงกับคำค้นหาเท่านั้น แต่จะทำการวิเคราะห์หาคำที่คล้าย หรือ คำที่มีความหมายเกี่ยวข้องมาแสดงเพิ่มเติมอีกด้วย เหมาะสำหรับธุรกิจที่กำลังก่อตัว เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมากและได้กว้างขว้าง

ตัวอย่าง :

  • หมวกผู้หญิง : คำคล้ายที่จะแสดงผล > หมวกสตรี
  • หมวกผู้ชาย : คำคล้ายที่จะแสดงผล > หมวกบุรุษ

2. Broad Match Keyword

คือ Keyword ที่ทำงานแคบและเจาะจงกว่า Broad Keyword มีเครื่องหมาย (+) นำหน้า สามารถมีคำอื่นๆ หรือ รูปประโยคอื่นๆ มาแทรกระหว่างได้ และในการแสดงของผลลัพธ์ จะเลือกแสดงเฉพาะผลลัพท์ที่ตรงกับคำค้นหาเท่านั้น จะไม่แสดงคำคล้าย หรือ คำที่มีความหมายเกี่ยวข้องเหมือนประเภท Broad Keyword

ตัวอย่าง :

  • +หมวก,+ผู้หญิง
  • +หมวก,+ผู้ชาย

3. Phrase Keyword

คือ Keyword ที่มีเครื่องหมาย “ ” ปิดที่ตำแหน่งหัวและท้าย จะทำงานแบบวลีที่ห้ามมีคำใดมาแทรกระหว่างกลาง โดยผลลัพธ์ที่ปรากฎจะขึ้นเฉพาะเว็บไซต์ / โฆษณา ที่มี Keyword ดังกล่าวประกอบอยู่ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากกว่าแบบ Board Match นั้นเอง

ตัวอย่าง :

  • “หมวกผู้หญิง”
  • “หมวกผู้ชาย”

4. Exact Keyword

คือ Keyword ที่มีราคาค่า Bid ต่ำที่สุดในบรรดา Keyword ทั้ง 4 ตัวที่ได้กล่าวมาข้างต้น เนื่องจาก Keyword รูปแบบนี้เป็นคำที่คนจะค้นหาแบบเฉพาะเจาะจงมากๆ ไม่มีคำอื่นมาปะปน หรือมีประโยคอื่นๆมาต่อท้ายด้วย เว็บไซต์ / โฆษณาที่จะทำการแสดงผลคือ เว็บไซต์ / โฆษณา ที่ตรงกับ Keyword เท่านั้น ส่งผลให้การใช้ Keyword ประเภทนี้จะเข้าถึกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำที่สุด

ตัวอย่าง :

  • [หมวกผู้หญิง]
  • [หมวกผู้ชาย]

5. Negative Keyword

คือ Keyword ที่จะถูกระบุนำหน้าไว้ด้วยเครืองหมายลบ เพื่อต้องการให้เราลบ Keyword ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเราออกไป และยังช่วยกีดกัน คัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ใช่ลูกค้าเราออกไป เนื่องจาก Negative Keyword จะช่วยคัดกรองและป้องกันลูกค้าที่เคยค้นหา Keyword เราแล้วไม่สนใจ เมื่อกลับมาค้นหาใหม่ซ้ำอีกครั้งจะไม่เห็นโฆษณา / เว็บไซต์ ของเราอีก

ตัวอย่าง :

  • -หมวกผู้หญิง
  • -หมวกผู้ชาย

3. การนำเอา Negative Keyword มาใช้ในบางครั้ง

สืบเนื่องมาจากนโยบายของ Google AdWords จะทำการเรียกเก็บเงินก็ต่อเมื่อมีคนคลิกเว็บไซต์ (CPC) เพื่อป้องกันผู้ที่ไม่ได้เข้าข่ายกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการมาคลิก การใช้ Negative Keyword จึงถือได้ว่าเป็นตัวช่วยหนึ่งที่มีประโยชน์ในการช่วยคัดกรองลูกค้า ให้เราไม่เสียเงินให้กับกลุ่มคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเรา และทำใหสามารถคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่จะมาสร้างรายได้ให้กับเราได้จริงๆ 

4. การเลือก Keyword ให้สอดคล้องกับเนื้อหาในหน้า Landing Page

หน้า Landing Page จะเป็นหน้าแรกที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้เข้ามาเจอหลังจากทำการคลิกเข้ามา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมากที่เราต้องเลือกใช้ Keyword ให้สอดคล้องกับเนื้อหาภายในหน้า Landing Page เนื่องจากจะส่งผลเป็นอย่างมากต่อคะแนนประสิทธิภาพที่ Google Adwords กำหนดไว้ เพราะว่า Google ต้องรักษาระดับมาตรฐานการเป็น Seach Engine อันดับหนึ่ง ในการบริการโฆษณา Google จึงทำการให้คะแนนรับรองถึงประสิทธิภาพแก่เว็บไซต์ของลูกค้า (เกณฑ์การให้คะแนนอยู่ที่เต็ม 10 คะแนน) โดยพิจารณาจากหน้าเว็บไซต์ด้วย ไม่เพียงแต่ Keyword ที่สอดคล้องเท่านั้น แต่รวมไปถึงการทำหน้าเว็บไซต์ให้สามารถรองรับอุปกรณ์ Smartphone ได้อีกด้วย หากผู้ทำธุรกิจทำคะแนนได้สูง จะส่งผลดีต่ออันดับบน Search Engine ให้ดีขึ้นอีกด้วย โดยไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณที่ลงทุนไป และในขณะเดียวกันนั้นก็ทำให้ค่าโฆษณาของคุณก็ถูกลงไปด้วย

Table of Contents