ออฟฟิตหรือที่ทำงานเปรียบได้กับเป็นบ้านหลังที่สองของใครหลายๆ คน ที่จะต้องใช้เวลานานในการคลุกคลีกับมัน ถือได้ว่าใช้เวลาในออฟฟิตนานพอๆกับการใช้ชีวิตในบ้านกันเลยทีเดียว เพราะมีหลายๆ คนเลยที่ต้องทำงานหนักตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำ กลับออกมาจากออฟฟิศอีกครั้งพระอาทิตย์ก็ได้บอกลาไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้เห็นแสงตะวันด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าใครหลายๆคนแทบจะใช้ชีวิตเกือบทั้งวันในการกิน นอน ใช้ชีวิตในที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นเป็นอย่างมากในการสร้างบรรยากาศดีๆในที่ทำงานให้กลายเป็นสถานที่ที่อบอุ่น ผ่อนคลาย สบายใจ และน่าอยู่ หากแต่ว่ามันไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว จึงต้องอาศัยบุคคลอื่น เช่น หัวหน้างานหรือฝ่าย HR ผู้ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนทั้งฝ่ายบริษัทกับพนักงานให้เชื่อมโยงเข้าหากันได้ง่ายขึ้น เพราะผลจากการสร้างบรรยากาศที่ดีและสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อดึงดูดให้พนักงานรู้สึกกระตือรือร้นในการอยากมาทำงานในทุกๆวันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น
เมื่อพนักงานเกิดแรงจูงใจที่จะมาทำงานในแต่ละวัน ในสถานที่แห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยบ่อเกิดของไอเดียใหม่ๆ ดีๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตัวพนักงานเองก็อยากทำงานด้วยความสบายใจ สุขใจ ในการทำงานแต่ละขั้นตอนจะทำด้วยความใส่ใจ และเต็มไปด้วยความตั้งใจ ส่งผลที่ดีต่องาน ทำให้งานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีวิธีการไหนบ้างที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานในองค์กร
หากเป็นก่อนหน้านี้ทุกคนคงนึกถึงบรรยากาศออฟฟิศที่เพดานต่ำ ตำแหน่งที่นั่งจะถูกแบ่งโดย Partition โต๊ะใครโต๊ะมัน เป็นภาพที่มองแล้วชวนให้อึดอัดยิ่งนัก แต่ด้วยโลกของเราที่พัฒนาไปไกลมากแล้ว ทำให้ภาพลักษณ์ของออฟฟิศในด้านของบรรยากาศ และการออกแบบดีไซน์สมัยนี้ จึงเน้นไปที่ประโยชน์ใช้สอยและทำความเข้าใจผู้ใช้งานมากขึ้น นั่นก็คือเหล่าพนักงานที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตเกือบจะครึ่งวันที่ออฟฟิศนั่นเอง หลายๆองค์กรเริ่มจะเล็งเห็นถึงความสำคัญกับการจัดบรรยากาศในการทำงานให้เป็นสถานที่ที่ดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น มีการจัดมุม นันทนาการ สันทนาการ และมุมพักผ่อนหย่อนใจ รวมไปถึงรูปแบบในการจัดโต๊ะทำงาน เน้นไปที่รูปแบบโต๊ะแบบเปิดโล่ง คล่องตัว สะดวก มีอากาศถ่ายเท หรือจะมีจัดเป็นโซน Co Working Space มีการจำลองบรรยากาศในส่วนของออฟฟิศที่ทำงานให้เหมือนเป็นร้านกาแฟ และเพิ่มในส่วนของร้านกาแฟเพื่อรองรับการให้บริการแก่พนักงานในออฟฟิศ พร้อมไปด้วยการเปิดเพลงคลอเบาๆ ฟังได้สบายๆ เมื่อพนักงานได้ถูกโอบล้อมไปด้วยบรรยากาศที่ดี น่าทำงาน ไม่ตึงเครียดจนเกินไปก็จะทำให้เกิดความผ่อนคลายในการทำงานมากยิ่งขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ สร้างสรรค์งานที่มีประสิทธิภาพออกมาได้อย่างไหลลื่นมากยิ่งขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของตัวงานเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันในสถานที่ทำงานไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงาน หรือเชื่อมสัมพันธ์กับหัวหน้างานเข้าด้วยกันนั้นนับเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นเป็นอย่างมาก หากว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่ยาก ถ้าหากทุกฝ่ายพร้อมที่จะเปิดใจเข้าหากัน ซึ่งฝ่ายที่นับว่าเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลให้สามารถทำงานเข้าขากันได้ดี สามารถทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดีนั้นก็คือฝ่าย HR นั้นเอง
โดยการจัดกิจกรรมกีฬาสีพนักงานภายในองค์กร นอกจากจะเป็นการฝึกให้พนักงานทำงานเป็นทีม ทำงานต่างๆได้สอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว ยังส่งเสริมให้พนักงานได้เห็นถึงคุณค่าของการเสียสละเพื่อส่วนรวมเพื่อไปสู่จุดหมายเดียวกัน อาจจะมีกติกาการแข่งขันที่จะต้องแบ่งสีไปตามแผนกเพื่อให้แต่ละแผนกได้เกิดกระบวนการวางแผนการทำงานร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน และรู้สึกสนิทสนมกันยิ่งขึ้นไปอีก โดยรายการกีฬาที่จะสามารถดึงความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ควรเป็นกีฬาที่เล่นเป็นคู่ หรือ เป็นทีม เช่น ปิงปอง แชร์บอล ฟุตซอล แบดมินตัน หมากล้อม หมากรุก และหมากฮอส ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องรวมกลุ่มกันเป็นทีมเพื่อช่วยกันระดมความคิด การวางแผน และสร้างความเป็นปึกแผ่นเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้นการจัดกีฬาสียังมีข้อดีอีกมากมายเช่น
Ice Breaking คือ กิจกรรมละลายพฤติกรรมที่มีจุดประสงค์ให้ผู้เข้าร่วม เรียนรู้ที่จะเปิดเผยความเป็นตัวเองต่อคนแปลกหน้าและกล้าแสดงออกมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในการละลายพฤติกรรมของพนักงานในทีม ซึ่งกิจกรรม Ice Breaking ที่นำมาเล่นกันก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปโดยจะต้องเป็นการทำกิจกรรมด้วยกันเป็นทีม เรื่อยมาจนถึงสามารถพังกำแพงภายในใจที่แต่ละคนสร้างขึ้นมาปิดกั้นไว้ เป็นการช่วยให้พนักงานหลายๆคนออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง จนรู้สึกปลอดภัย วางใจ ไว้ใจคนในทีม และอบอุ่นกับคนในทีมมากยิ่งขึ้น ซึ่ง HR อาจจะทำได้โดยการจัดให้มีชั่วโมงกิจกรรม Ice Breaking ในทุกวันเสาร์สัก 1 ชั่วโมงก่อนเลิกงานเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้พนักงานแต่ละคนในทีมได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทใจกันมากขึ้น ทั้งกิจกรรมกีฬาสีและกิจกรรม Ice Breaking เป็นวิธีการที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำกิจกรรมร่วมกันเป็นทีม ได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน และเป็นกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ทำให้แต่ละคนเข้าใจเพื่อนร่วมงานมากขึ้น สนิทใจกันมากขึ้น ผลจากกิจกรรมเหล่านี้จะยิ่งช่วยให้พนักงานนำความรู้สึกดีๆ ระหว่างกิจกรรมไปใช้ในการทำรวมกันเป็นทีมได้ดีขึ้น รับรองว่าช่วยทลายกำแพงของคำว่า “คนแปลกหน้า” ลงได้เยอะเลย เพราะเมื่อเราสามารถทุบกำแพงน้ำแข็งให้แตกออกได้ ความอบอุ่นก็จะเข้ามาแทนที่ ส่งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนั่นเอง
อีกหนึ่งวิธีดีๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คือการได้ลองเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็น การเสนอไอเดีย ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในทีม ส่งผลดีแก่ทั้งตัวพรักงานเองและตัวองค์กรเอง เนื่องจาก หลากหลายคน หลากหลายความคิดเห็น อาจจะทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ทางออกที่ดีสำหรับการแก้ไขปัญหา และที่สำคัญ วิธีการนี้จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญต่อทีม เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของทีม เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับทีม และเสียงของพวกเค้าทุกคนมีค่าในการนำมาพัฒนาองค์กร นอกจากนี้ยังทำให้พนักงานรู้สึกเข้าใจในงานของตนเองมากขึ้น ได้รู้ว่าตัวเองกำลังทำงานอะไรอยู่ มีหน้าที่ความรับผิดชอบงานขนาดไหน ขอบเขตการทำงานอยู่ที่ส่วนใด จากพนักงานธรรมดาคนนึง ก็จะเป็นพนักงานที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
พนักงานแต่ละคนจำเป็นต้องรู้ดีว่าหน้าที่ของตัวเองในแต่ละวันควรจะต้องทำงานสิ่งใดบ้าง หน้าที่ความรับผิดชอบงานมีอะไร ขอบเขตการทำงานอยู่ในส่วนไหน แต่หากหัวหน้ากำหนดชี้ชัดถึงเป้าหมายในการทำงานให้กับพนักงานแต่ละคน จะทำให้เกิดการบรรลุเป้าหมายใหญ่ของทีมได้ง่ายขึ้น หากพนักงานในทีมแต่ละคนมีคนละ 1 เป้าหมายเล็กๆ เมื่อทุกคนสามารถบรรลุเป้าหมายของตน รวมกันจะกลายเป็นการช่วยนำทีมบรรลุเป้าหมายใหญ่ได้ และหากเป้าหมายชัดเจนเท่าไหร่ การหาทางทำงานให้บรรลุก็ย่อมง่ายและแน่วแน่มากขึ้น ดังนั้นหัวหน้างานควรหาเป้าหมายให้คนในทีม ส่งเสริมในด้านที่แต่ละคนถนัด และกำหนดเวลาให้ชัดเจน เท่านี้งานที่ออกมาก็จะเป็นงานที่มีประสิทธิภาพมากตามไปด้วย ทำให้พนักงานเกิดความมั่นใจในการทำงานและผลงาน ส่งผลในการเป็นแรงใจในการบรรลุเป้าหมายในโอกาสต่อๆ ไป
ในการทำงาน ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่มีใครรู้ว่า อยู่ดีๆจะมีใครล้มป่วยหรือลาออกกระทันหัน หัวหน้าจึงต้องพยายามให้พนักงานในทีมได้ศึกษา เรียนรู้งาน รับทราบเนื้องานของแต่ละคนอย่างทั่วถึง
ด้วยการพยายามส่งเสริมให้พนักงานแต่ละคนศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่พนักงานอื่นๆทำอยู่ และมีการวัดผลสิ่งที่ศึกษานั้นอย่างถูกต้อง เพื่อที่แต่ละคนในทีมจะสามารถทำงานแทนกันได้แม้ยามฉุกเฉิน เพื่อให้ทีมยังสามารถดำเนินต่อไปได้ และไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดมากเกินไปหากต้องทำงานแทนกัน และไม่ลดทอนประสิทธิภาพในการทำงาน
อย่างที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดว่าบรรยากาศที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน เป็นสื่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าหากหลายๆ ส่วนไม่ได้ช่วยกัน เป็นสื่งที่ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว การที่เรามาอาศัยอยู่ด้วยกันหลายฝ่าย หลายแผนก จึงจำเป็นที่จะต้องมีการกำหนดรูปแบบในการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หัวหน้าจึงเปรียบเสมือนหัวใจหลักในการหยิบยื่นสิ่งดีๆ โอกาศที่เหมาะสม และสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานให้กับลูกน้อง ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรกลายเป็นพนักงานที่มีผลงานดี เพื่อนร่วมงานเองก็เป็นส่วนในการบรรยากาศที่ดีได้ โดยการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับคนในทีมและในองค์กร ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ จากฝ่าย HR ทั้งกิจกรรมหมู่และกิจกรรมอื่นๆ ทำให้พนักงานกลายเป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่แท้จริง