คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับคำว่า “ฟอนต์ (Font)” เมื่อพูดถึงการพิมพ์ แต่มีอีกคำหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมการพิมพ์ นั่นคือ “ไทป์เฟซ (Typeface)” แม้ว่าคำเหล่านี้มักจะใช้แทนกัน ข้อกำหนดในการทำงานระดับมืออาชีพอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องซึ่งไม่สามารถถ่ายทอดข้อความที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง ในบทความนี้ เราจะสำรวจความแตกต่างระหว่าง “Font” และ “Typeface” เพื่อช่วยให้คุณใช้ได้อย่างถูกต้อง
ในบทความนี้เลยจะมาอธิบายความแตกต่างของคำว่า “Font” และ “Typeface” ให้เข้าใจกันมากขึ้น เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจวิธีใช้งานได้อย่างถูกต้อง
ฟอนต์ (Font) คืออะไร?
ฟอนต์ (Font) คือชุดตัวอักษรและสัญลักษณ์ที่มีลักษณะแบบเฉพาะ เช่น รูปร่าง, ขนาด, และสไตล์ต่างๆ ที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือตัวอักษรในเอกสาร หน้าเว็บ, หรือโปรเจ็กต์ดีไซน์ต่างๆ เป็นตัวแทนของตัวอักษรและสัญลักษณ์ที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสาร และมีหลายรูปแบบและสไตล์ที่ต่างกันสำหรับการใช้งานต่างๆ เช่น ฟอนต์ Serif ที่มีตัวอักษรที่มีขาหรือลูกศรบนขอบตัวอักษร, ฟอนต์ Sans-Serif ที่ไม่มีขาหรือลูกศรบนขอบตัวอักษร, และฟอนต์อื่นๆ ที่มีสไตล์และลักษณะต่างๆ ตามที่ได้รับการออกแบบมา. การเลือกใช้ฟอนต์เหมาะสมสามารถมีผลต่อการสื่อสารและการเข้าใจข้อความในงานออกแบบและการพิมพ์ต่างๆ ได้มาก
Typeface คืออะไร?
Typeface คือ ชุดของรูปแบบตัวอักษร แต่ละชุดจะประกอบด้วย พยัญชนะ สระ ตัวเลข เครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ถูกออกแบบหรือคิดค้นขึ้นมาโดย “นักออกแบบตัวอักษร” ให้มีรูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีขนาด ความหนา ความกว้าง และความเอียงเท่ากัน โดยการออกแบบ Typeface อาจจะมี Font แค่รูปแบบเดียว หรือมี Font หลายรูปแบบก็ได้ เช่น Helvetica เป็นชื่อของ Typeface ซึ่งเวลาใช้งานเราก็จะเลือกรูปแบบ Font ได้ว่าจะใช้ Helvetica Bold หรือ Helvetica Italic ได้
Typeface มีกี่ประเภท?
หากคุณอยู่ในวงการสิ่งพิมพ์ หรืองานออกแบบ คุณน่าจะเคยได้ยินกับคำว่า “ฟอนต์แบบ Serif” หรือ “ฟอนต์แบบ Sans Serif” กันมาบ้าง อันที่จริง ถ้าจะให้พูดให้ถูกต้อง เราควรจะเรียกว่า “ไทป์เฟซแบบ…” จึงจะถูกต้อง
โดยในความเป็นจริงนั้น Typeface บนโลกใบนี้นั้น มีจำนวนมหาศาล แต่มันสามารถแบ่งออกเป็นได้ 5 รูปแบบใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
1. Serif
Serif เป็นรูปแบบ Typeface ที่เก่าแก่ที่สุด หากไปค้นหาภาพสิ่งพิมพ์เก่าๆ จะพบว่าจะเป็น Serif ทั้งหมด แต่ถึงจะบอกว่าเก่า ปัจจุบันก็ยังเป็นรูปแบบ Typeface ที่ยังสามารถพบเห็นได้เป็นประจำ
สำหรับ Typeface แบบ Serif สามารถดูได้จากการที่มันมี “เท้า (Foot)” อยู่ในการออกแบบตัวอักษร ซึ่งคำว่า Serif นั้นแปลว่า เส้นขวางที่เท้าของตัวอักษรโรมัน และยังเป็นคำที่พ้องเสียงกับคำว่า “Schreef” ในภาษาดัตช์ที่แปลว่า “เส้น” อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติ่ม : Serif
2. Sans Serif
Sans เป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “ปราศจาก” เมื่อรวมกับคำว่า “Serif” มันจึงสื่อถึงการออกแบบตัวอักษรที่ไม่มี “เท้า” นั่นเอง
หาก Serif เป็นรูปแบบ Typeface ที่ให้ความรู้สึกเก่าแก่ Sans Serif ก็เป็น Font ที่ออกแบบมาให้ดูมีความทันสมัย ไม่เชื่อลองดูตามเว็บไซต์ หรือโปสเตอร์ต่างๆ ในปัจจุบันนี้ หรือในเว็บเบราว์เซอร์ที่คุณผู้อ่านกำลังใช้งานอยู่ ลองสังเกตเมนูต่างๆ ภายในโปรแกรม ก็จะเห็นว่าใช้ Font แบบ Sans Serif ทั้งหมด
อ่านเพิ่มเติ่ม : Sans Serif
3. Slab Serif
โดยพื้นฐานแล้ว Slab Serif เป็น Typeface แบบ Serif รูปแบบหนึ่ง แต่รูปแบบการออกแบบของมันได้รับความนิยมจนบางคนแยกมันออกมาเป็น Typeface แบบใหม่ขึ้นมา
Slab Serif ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นของศตวรรธที่ 19 ที่สำนักพิมพ์ต้องการรูปแบบ Typeface ที่มีความเตะตาคนที่พบเห็น ซึ่งนักออกแบบก็เลยนำ Serif มาปรับปรุงให้เส้นตัวอักษรมีความหนามากกว่าปกติ
อ่านเพิ่มเติ่ม : Slab Serif
4. Script
สำหรับ Typeface แบบ Script หรือที่หลายคนชอบเรียกกันว่า Font ลายมือ เป็น Typeface ที่ออกแบบมาให้เหมือนกับลายมือ มีความโค้งไม่ตรงทื่อเหมือนไทป์เฟซแบบตัวพิมพ์
แม้ว่าTypeface แบบ Script ส่วนใหญ่นั้น จะอ่านค่อนข้างยาก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่สง่างามดูเรียบหรู มันจึงนิยมใช้ในพวกใบประกาศนียบัตร หรือบัตรเชิญเข้าร่วมงานต่างๆ ที่ไม่ได้มีรายละเอียดข้อมูลมากนัก
อ่านเพิ่มเติ่ม : Script
5. Decorative
Decorative เป็น Typeface ที่ค่อนข้างใหญ่ และมีความหลากหลายมากที่สุด Typeface ประเภทนี้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ในงานป้าย, พาดหัวประเด็นสำคัญ หรือใช้ในการพิมพ์ชื่อโครงการต่างๆ ที่ต้องการความโดดเด่น และหนักแน่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
Typeface ประเภทนี้มีอิสระในการออกแบบค่อนข้างสูงสมกับชื่อ Decorative ที่แปลว่า “ตกแต่ง” นักออกแบบอาจจะใส่ลายเส้น, ภาพการ์ตูน หรือลวดลายต่างๆ เข้าไปใน Typeface
อ่านเพิ่มเติ่ม : Decorative
คำศัพท์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวอักษร
Typography
หากคุณสนทนาเกี่ยวกับ Font และ Typeface อยู่ คุณอาจจะได้ยินคำว่า Typography ด้วย โดยคำว่า “Typography” นั้นหมายถึงการออกแบบวิธีจัดวางตัวอักษร เพื่อให้งานออกแบบออกมีความสุนทรีย์สวยงาม และเหมาะสมกับข้อความที่ต้องการจะสื่อสาร ทั้งนี้ Typography ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่ออกแบบตัวอักษรขึ้นมาเอง ส่วนใหญ่เป็นเพียงคนที่ทำงานโดยใช้ Font และ Typeface ที่มีอยู่แล้ว
Calligraphr
Calligraphr หมายถึง การประดิษฐ์ตัวอักษร หน้าตาของ Typeface ต่างๆ ที่เราซื้อ หรือดาวน์โหลดมาใช้งาน ล้วนแต่ผ่านการออกแบบขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น โดยผู้ที่ออกแบบจะเรียกว่า Calligrapher ซึ่งผู้ออกแบบไม่จำเป็นจ้องออกแบบมาให้ครบทุกตัวอักษรก็ได้ บางคนก็ออกแบบตัวอักษรขึ้นมาใหม่เพื่อใช้กับงานที่ต้องการเพียงไม่กี่ตัว
ตัวอย่าง : คำว่าไทยแลนด์ ที่สามารถอ่านได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
ฟอนต์ (Font) และ Typeface แตกต่างกันอย่างไร?
คำว่า “Typeface” หมายถึงการออกแบบชุดอักขระ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ ครอบคลุมรูปแบบโดยรวม ลักษณะที่ปรากฏ และคุณลักษณะทางสายตาของตัวละคร รวมถึงขนาด น้ำหนัก และรูปร่าง ตัวอย่างแบบอักษร ได้แก่ Times New Roman, Arial และ Helvetica
ในทางกลับกัน “Font” เป็นไฟล์ดิจิทัลเฉพาะที่มีแบบอักษรเฉพาะในขนาดและรูปแบบเฉพาะ โดยพื้นฐานแล้ว ฟอนต์เป็นส่วนย่อยของไทป์เฟซ ซึ่งใช้เพื่อแสดงน้ำหนัก ลักษณะ หรือตัวแปรเฉพาะของไทป์เฟซ ตัวอย่างเช่น แบบอักษร Times New Roman สามารถมีแบบอักษรต่างๆ ได้หลายแบบ เช่น Times New Roman Bold, Times New Roman Italic และ Times New Roman Bold Italic
โดยสรุป Typeface หมายถึงการออกแบบโดยรวมของชุดอักขระ ในขณะที่ Font เป็นไฟล์ดิจิทัลเฉพาะที่มีรูปแบบต่างๆ ของการออกแบบนั้น
ตารางความแตกต่างระหว่าง ฟอนต์ (Font) และ Typeface
ฟอนต์ (Font) | Typeface |
---|---|
ฟอนต์เป็นการแสดงรูปแบบตัวอักษรที่มีขนาดและรูปแบบที่กำหนดไว้ | Typeface เป็นชุดของฟอนต์ที่มีความสัมพันธ์เหมือนกัน |
เป็นตัวแสดงตัวอักษรที่อิสระและสั้นๆ | เป็นชุดของตัวอักษรที่มีความสัมพันธ์กันในเรื่องของดีไซน์และสไตล์ |
มักใช้ในบรรยากาศที่เฉพาะเจาะจงหรือในเนื้อหาที่มีรูปแบบเฉพาะ | มักใช้ในบรรยากาศที่กว้างขวางและในเนื้อหาที่หลากหลาย |
มักมีหลายขนาดและรูปแบบที่ใช้ในฟอนต์เดียว | Typeface ประกอบไปด้วยฟอนต์ที่เชื่อมโยงกันทางดีไซน์และสไตล์ |
เป็นส่วนหนึ่งของ Typeface | Typeface มีฟอนต์หลายตัวที่อยู่ภายใต้ชุดที่เดียว |
กรุณาทราบว่าคำว่า “Typeface” ในภาษาไทยถูกแปลว่า “ชุดตัวอักษร” แต่สำหรับความเข้าใจที่ถูกต้องในอุตสาหกรรมดีไซน์ คำว่า “Typeface” ถูกใช้ในแง่ของคำแปลเดียวกับภาษาอังกฤษ ซึ่งหมายถึงชุดตัวอักษรที่มีความสัมพันธ์เหมือนกัน หรือกล่าวได้ว่า “แฟมิลี” ของภาษาไทย
คำถามเกี่ยวกับฟอนต์ (Font) และ Typeface
A : ไม่เสมือนไป ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างหลักๆ คือ หากคอมติดตั้งโปรแกรมเวอชั่นเหมือนกัน ฟอนต์ติดตั้งเหมือนกัน ก็จะเหมือนกัน แต่หากฟอนต์ในทั้งสองเครื่องไม่เหมือนกัน หรือในอีกเครื่องหนึ่งไม่มี โปรแกรมก็จะไปเลือกฟอนต์ที่เครื่องนั้นมี ซึ่งอาจมีขนาดตัวอักษรเล็กหรือใหญ่กว่า ทำให้ย่อหน้า จำนวนบรรทัด แตกต่างกันไป แสดงผลไม่เหมือนกัน
แก้ไขอย่างไร?
ให้เซฟไฟล์งานเป็นไฟล์ PDF ก็จะหมดปัญหาเรื่องการเปิดใช้งานต่างเครื่องกัน แต่หากเซฟไฟล์งาน PDF ก็จะไม่สามารถแก้ไขไฟล์งานได้ ต้องมีโปรแกรมแก้ไขโดยเฉพาะ โดยไฟล์งานPDFจะบรรจุไฟล์งานต่างๆ เพื่อให้การแสดงเหมือนเดิม ซึ่งก็บรรจุฟอนต์ไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องที่นำไปใช้งานไม่มีฟอนต์นั้น ทำให้เราสามารถเปิดเครื่องต่างๆได้โดยไม่มีปัญหา แต่หากต้องการแก้ไข เราต้องติดตั้งฟอนต์ที่ต้องการแก้ไขด้วย เนื่องจากเป็น ลิขสิทธิ์ของฟอนต์นั้นๆ ที่จะอนุญาติให้แก้ไขได้เฉพาะเครื่องที่มีฟอนต์นั้นติดตั้งอยู่ (หากขายฟอนต์เครื่องเดียวแล้วใช้งานได้ทุกเครื่องคงจะไม่ดี) เป็นเหตุผลให้ไม่สามารถแก้ไขไฟล์งาน PDF ได้ เพราะจะเปิดไฟล์งานเป็นภาษาต่างดาวบาง อ่านไม่ออกบ้าง ย่อหน้าไม่ได้บ้าง เป็นสาเหตุให้ไม่สามารถแก้ไขไฟล์งาน PDF ได้
A : สามารถสร้างได้ มีโปรแกรมสร้างฟอนต์สำเร็จรูปขายโดยทั่วไป ฟอนต์สามารถสร้างแล้วขายได้ด้วย ปัจจุบันมีฟอนต์ขายกันมากมาย ราคาแพงๆ ทำเป็นอาชีพก็ได้ ฟอนต์มีมากมายหลายแบบจนไม่สามารถติดตั้งฟอนต์ทั้งหมดในโลก เป็นคอนพิวเตอร์ทุกเครื่องได้ จึงต้องเลือกฟอนต์ที่ต้องการใช้งานเท่านั้น แต่ละคนชอบฟอนต์แตกต่างกัน แต่ละเครื่องจึงมีฟอนต์ที่ติดตั้งแตกต่างกัน ถึงจะมีมากกมาย แต่ความต้องการฟอนต์ใหม่ๆ ก็มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เรียกได้ว่า ต้องพัฒนากันเรื่อยๆ
A : เหมือนกัน ด้วยหลักการทำฟอนต์แบบเวคเตอร์ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ จะรู้ว่านี้เป็นเพียงรหัสเวคเตอร์ ที่แสดงผลตามที่เราต้องการเท่านั้น ดังนัั้นในด้านคอมพิวเตอร์ คือฟอนต์ที่แสดงผลต่างกันเท่านั้น
Download Fonts
หากคุณต้องการดาวน์โหลดฟอนต์ (font) ต้องให้ความสำคัญในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิทธิ์การใช้งานของฟอนต์นั้นเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไข การดาวน์โหลดฟอนต์ควรทำจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ หากไม่แน่ใจสามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญหรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำแนะนำและแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน
แหล่งโหลด font ที่เราแนะ
- ฟอนต์.คอม: www.f0nt.com
- ไทยเฟซ รูปลักษณ์อักษรไทย: thaifaces.com
- Google font: github.com/google/fonts/tree/main/ofl/abeezee