knmasters.official@gmail.com
Monday - Sunday : 06.00 A.M. - 11.59 P.M.
KNmasters Digital Marketing การตลาดออนไลน์
เพิ่มเพื่อน

โฮสติ้ง (Hosting) คืออะไร? และมีกี่ประเภท

KNmasters Digital Marketing การตลาดออนไลน์
Share This Post
สารบัญ

โฮสติ้ง (Hosting) คือ บริการให้เช่าพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลเว็บไซต์ทั้งหมด ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ทุกเว็บไซต์จำเป็นต้องมี Hosting เพื่อให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต การเช่า Hosting จะเป็นการเช่าพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ โดยฮาร์ดดิสก์เหล่านี้จะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงและออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง

บริการ Hosting คือบริการให้เช่าพื้นที่ในการเก็บข้อมูลขององค์กร ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่เว็บไซต์ พื้นที่อีเมล์ และพื้นที่ฐานข้อมูล ซึ่งจัดเก็บข้อมูลเช่น HTML, รูปภาพ หรือโปรแกรมต่างๆ ไว้ที่ “เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server)” Web Hosting ทำหน้าที่ในการเผยแพร่เว็บเพจของเราให้ออกสู่อินเทอร์เน็ตเพื่อให้ผู้อื่นเข้าชมได้ โดย Web Hosting จะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลาเพื่อให้บริการเมื่อมีการเรียกข้อมูลของเว็บไซต์ที่จัดเก็บอยู่ นอกจากนี้ยังให้บริการการใช้งานอีเมล์หรือสคริปต์ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กร โดยสามารถจัดสรรพื้นที่เก็บข้อมูลดังกล่าวในปริมาณที่เหมาะสมตามความต้องการในการใช้งานได้

Hosting คืออะไร?

เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) เป็นรูปแบบของการให้บริการที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำเว็บไซต์หรือโฮมเพจของตนเองเป็นออนไลน์บนโลกอินเตอร์เน็ตได้ โดยเว็บไซต์ที่ออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตจะต้องฝากไฟล์เว็บ ฐานข้อมูล และไฟล์อื่นๆ ไว้กับเว็บเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการโฮสติ้ง โฮสติ้งที่ดีควรใช้เว็บเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงและเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้รวดเร็วจากทุกมุมโลก

นอกจากความเร็วในการเข้าถึงเว็บไซต์แล้ว เสถียรภาพของเซิร์ฟเวอร์และครือข่ายข้อมูล รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน และที่สำคัญที่สุด ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่ดีจะต้องมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคต่างๆ เพื่อดูแลระบบได้เป็นอย่างดี สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็วและมีการติดต่อที่สะดวก

ประเภทของเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting)

เว็บโฮสติ้งมีหลายประเภทและควรเลือกให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ ประเภทของเว็บโฮสติ้งที่พบได้บ่อยมีดังนี้

  1. Shared Hosting (การใช้งานร่วมกัน): เว็บไซต์ของคุณจะถูกโฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ร่วมกับผู้ใช้งานอื่นๆ การใช้งานแบบนี้มักเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเว็บไซต์ที่มีการจราจรข้อมูลปานกลางและปริมาณการเข้าชมที่ไม่สูงมาก
  2. VPS Hosting (เซิร์ฟเวอร์เสมือน): เว็บไซต์ของคุณจะถูกโฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ที่แยกออกจากกันให้กับลูกค้าแต่ละราย คุณจะมีความเสถียรมากขึ้นและความควบคุมมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ Shared Hosting
  3. Dedicated Hosting (เซิร์ฟเวอร์ที่จัดสรรให้เฉพาะ): เว็บไซต์ของคุณจะได้รับเซิร์ฟเวอร์ที่มีการจัดสรรมาเพียงอย่างเดียว คุณจะมีความเสถียรสูงสุดและผู้ควบคุมเต็มรูปแบบเกี่ยวกับการกำหนดค่าและการดูแลเว็บไซต์
  4. Cloud Hosting (เว็บโฮสติ้งในระบบคลาวด์): การโฮสต์บนระบบคลาวด์จะใช้พื้นที่การจัดเก็บข้อมูลแบบร่วมกันในเครือข่ายคลาวด์ มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ตามความต้องการ
  5. Reseller Hosting (การขายบริการเว็บโฮสติ้ง): คุณจะเป็นผู้ขายบริการเว็บโฮสติ้งและขายบริการนี้ให้แก่ลูกค้าของคุณ คุณจะได้รับพื้นที่เพิ่มเติมบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้ลูกค้าของคุณได้โฮสต์เว็บไซต์ของตนเอง
  6. Managed Hosting (การบริหารจัดการเว็บโฮสติ้ง): บริการเว็บโฮสติ้งที่มีการดูแลและบำรุงรักษาโดยผู้ให้บริการ เขาจะดูแลเรื่องเซิร์ฟเวอร์ อัพเดตซอฟต์แวร์ และความปลอดภัยให้แก่คุณ
  7. WordPress Hosting (การโฮสต์ WordPress): บริการเว็บโฮสติ้งที่เน้นการใช้งานและปรับแต่งสำหรับเว็บไซต์ที่ใช้ระบบจัดการเนื้อหา WordPress มักจะมีการติดตั้งและการกำหนดค่าที่สำเร็จรูปสำหรับ WordPress

ตารางสรุปประเภทของเว็บโฮสติ้ง

ประเภทของเว็บโฮสติ้งคำอธิบาย
Shared Hostingการใช้งานร่วมกันบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกับผู้ใช้งานอื่น
VPS Hostingเซิร์ฟเวอร์เสมือนที่แยกออกจากกันให้กับแต่ละลูกค้า
Dedicated Hostingเซิร์ฟเวอร์ที่เฉพาะกิจที่ให้บริการเพียงแก่ลูกค้าเดียว
Cloud Hostingการใช้พื้นที่การจัดเก็บข้อมูลแบบร่วมกันในระบบคลาวด์
Reseller Hostingการขายบริการเว็บโฮสติ้งให้แก่ลูกค้าของตนเอง
Managed Hostingบริการเว็บโฮสติ้งที่มีการดูแลและบำรุงรักษาโดยผู้ให้บริการ
WordPress Hostingบริการเว็บโฮสติ้งที่เน้นการใช้งาน WordPress

โปรดทราบว่านี่เป็นแค่ตัวอย่างเบื้องต้นของประเภทเว็บโฮสติ้งที่พบบ่อย อาจมีตัวเลือกเพิ่มเติมหรือประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุในตารางนี้อีกด้วย


การเลือกเว็บโฮสติ้ง (Hosting)

เมื่อคุณได้ทำการจองโดเมนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกเว็บโฮสติ้งเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเป็นออนไลน์บนอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ราคาไม่ใช่ตัวบ่งบอกที่แน่นอนเกี่ยวกับคุณภาพของบริการโฮสติ้งเสมอไป ความเสถียรภาพของโฮสต์และบริการหลังการขายเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่อาจแสดงคุณภาพของผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งได้ เรื่องเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกเว็บโฮสติ้ง

เมื่อเลือกเว็บโฮสติ้งคุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. ความเสถียรภาพ: คุณต้องตรวจสอบว่าผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งมีความเสถียรภาพที่ดีและเป็นที่นิยมในวงกลมของผู้ใช้งาน เช่น มีการรับรองการทำงานอย่างต่อเนื่องและการสำรองข้อมูลอย่างเป็นระบบ
  2. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ: ค้นหาผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดูแลระบบเว็บโฮสติ้ง เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและการสนับสนุนที่ดี
  3. ความสามารถในการขยายขนาด: ถ้าคุณมีแผนที่จะขยายขนาดเว็บไซต์ในอนาคต คุณควรเลือกผู้ให้บริการที่มีความยืดหยุ่นในการอัพเกรดและขยายขนาดเซิร์ฟเวอร์เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ
  4. ความปลอดภัย: ในยุคที่เว็บไซต์มีความเสี่ยงต่อการถูกทำลายหรือโจมตี ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่คุณควรพิจารณา ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การสำรองข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์
  5. การสนับสนุน: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีการสนับสนุนทางเทคนิคที่มีคุณภาพและมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก เพื่อให้คุณได้รับความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยในการดูแลเว็บไซต์ของคุณ
  6. ประสิทธิภาพและความเร็ว: คุณต้องให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความเร็วของเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากมีผลต่อประสบการณ์ในการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ ค้นหาผู้ให้บริการที่มีเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
  7. คุณสมบัติเสริม: พิจารณาคุณสมบัติเสริมที่อาจเป็นประโยชน์ต่อคุณ เช่น การสร้างเว็บไซต์ด้วยเครื่องมือช่วยต่างๆ, การสร้างเมล์โดเมน, หรือฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ ที่คุณต้องการในการดูแลเว็บไซต์ของคุณ

การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกเว็บโฮสติ้งที่เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายของเว็บไซต์ของคุณได้


ระบบปฏิบัติการที่ใช้กับโฮสติ้ง (Hosting)

เว็บโฮสติ้งสามารถใช้ระบบปฏิบัติการต่างๆ ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งและแผนการบริการที่คุณเลือก ระบบปฏิบัติการที่พบบ่อยในการโฮสต์เว็บไซต์ ได้แก่

  1. Windows Hosting: นับเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ Windows Server เป็นฐาน รองรับเทคโนโลยีและภาษาโปรแกรมต่างๆ เช่น ASP.NET, MS SQL เป็นต้น
  2. Linux Hosting: นับเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้ Linux เป็นฐาน เป็นที่นิยมในการโฮสต์เว็บไซต์ เช่น Apache, PHP, MySQL เป็นต้น
  3. macOS Hosting: ระบบปฏิบัติการ macOS หรือ OS X สามารถใช้เพื่อโฮสต์เว็บไซต์ได้ แต่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าระบบปฏิบัติการอื่นๆ

การเลือกระบบปฏิบัติการขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ และโปรแกรมหรือเทคโนโลยีที่คุณต้องการใช้ในเว็บไซต์ของคุณ แนะนำให้ตรวจสอบกับผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งเพื่อดูว่ามีระบบปฏิบัติการใดที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ

ตารางการเปรียบเทียบระหว่าง Windows Hosting, Linux Hosting, และ macOS Hosting

ลักษณะWindows HostingLinux HostingmacOS Hosting
ระบบปฏิบัติการWindows ServerLinuxmacOS
เทคโนโลยีและภาษาโปรแกรมที่รองรับASP.NET, MS SQL, .NET FrameworkPHP, MySQL, Python, Ruby, PerlPHP, MySQL, Python, Ruby, Perl
การใช้งานและความเหมาะสมเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยีและภาษาโปรแกรมของ Microsoft หรือต้องการใช้งานฐานข้อมูลแบบ MS SQLเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ใช้เทคโนโลยีและภาษาโปรแกรมหลากหลาย เช่น PHP, MySQL ที่มีความนิยมสูงใช้ได้แต่ไม่ได้รับความนิยมมาก เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีความคุ้นเคยกับระบบปฏิบัติการ macOS
ความยืดหยุ่นในการกำหนดและปรับแต่งจำกัด เน้นการใช้งานซอฟต์แวร์แบบพิเศษของ Microsoftยืดหยุ่นและอ่อนไหว สามารถปรับแต่งระบบได้ตามต้องการยืดหยุ่นแต่ไม่ได้รับความนิยมมาก เน้นการใช้งานบนอุปกรณ์ macOS
การรองรับทางเทคนิคมีการรองรับทางเทคนิคสูง เช่น ระบบจัดการเว็บ Plesk, Remote Desktop, การติดตั้งฐานข้อมูล MS SQLมีรองรับทางเทคนิคสูง เช่น SSH, cPanel, phpMyAdmin, การติดตั้งฐานข้อมูล MySQLมีรองรับทางเทคนิค แต่ไม่ได้รับความนิยมมาก เช่น SSH, cPanel, phpMyAdmin, การติดตั้งฐานข้อมูล MySQL
ราคามีแพ็กเกจที่มีราคาสูงกว่ามีแพ็กเกจที่มีราคาสูงกว่ามีแพ็กเกจที่มีราคาสูงกว่า

อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความต้องการและเป้าหมายของคุณในการเลือกเว็บโฮสติ้ง เช่น เทคโนโลยีที่ใช้ ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง และการรองรับทางเทคนิค รวมถึงงบประมาณที่คุณพร้อมจ่ายในการเลือกผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่เหมาะสมกับคุณ