PBN คืออะไร?

อันนี้ขอสรุปแบบง่าย ๆ เลยแล้วกันนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านกันยาว…

ที่จริงแล้ว คำว่า PBN ถูกย่อมาจากคำว่า “Private Blog Network” ซึ่งถ้าแปลแบบภาษาตรงตัวเลยก็คือ เครื่อข่ายเว็บไซต์ส่วนตัว นั่นเองครับ ซึ่งเป็นกระบวนการทำ Off page ส่วนหนึ่งครับ

ทำไมนักทำ SEO ถึงนิยมใช้ PBN ในการทำอันดับละ?

ถ้าจะพูดแบบให้เข้าใจง่าย ๆ ผมเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านคงจะรู้ดีอยู่แล้วใช่ไหมละว่า ยิ่งเราได้ Backlink มาจากเว็บไซต์ ที่เกี่ยวข้อง ก็จะได้คะแนน หรือความน่าเชื่อถือจาก Google มากขึ้นเท่านั้น

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ นักทำ SEO ส่วนใหญ่นิยมสร้าง หรือลงทุน ทำ PBN ขึ้นมาหลายๆ Domain

PBN มีกี่รูปแบบ?

จริง ๆ แล้วข้อดีของการทำ PBN มันมีค่อนข้างเยอะนะ แต่.. มันก็อยู่ที่วิธีการทำของแต่ละคนด้วย ซึ่งความแรง ก็จะแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกัน ก็จะมีดังนี้ครับ

การทำ PBN จะมีอยู่ประมาณ 2 แบบครับ ที่นิยมทำกันมาก ๆ ภายในปี 2021 โดยจะมี 2 ประเภทดังนี้ครับ

1. PBN แบบมีคุณภาพ

เชื่อหรือไม่ว่า.. เว็บที่คุณอ่านข่าว หรือหาข้อมูลความรู้ใน Internet อาจจะเป็นเว็บเครือข่ายของใครสักคนก็เป็นได้

ต้องขอบอกก่อนเลยว่า การทำ PBN ประเภทนี้ แทบไม่แตกต่างอะไรจากการทำเว็บไซต์หลักเลยก็ว่าได้

ซึ่งทำให้โอกาส โดนลงโทษน้อยมาก ๆ เดี๋ยวมาดูกันครับว่า การทำ PBN แบบมีคุณภาพ จะ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ?

ข้อดี – ของการทำ PBN แบบมีคุณภาพ

1. โอกาสโดนลงโทษจาก Google แทบจะไม่มี ต้องบอกเลยว่า โอกาสแทบจะเป็น 0 เลยด้วยซ้ำ
2. สามารถควบคุม Keywords ได้ดั่งใจ จะทำกี่ร้อยคีย์ก็ได้
3. สามารถทำอันดับได้อย่างรวดเร็ว เพราะเนื้อหามีคุณภาพ + ติดอันดับบน Google ด้วย
4. สามารถหาเงินได้ จากช่องทาง Google Adsense หรือ Affiliate
5. อิสระในการสร้าง Backlink จะใส่เข้า จะถอดออก ก็ทำได้แบบอิสระ เผื่อวันหนึ่ง Algorithm เปลี่ยน จะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที
6. ไม่ต้องเปลี่ยน PBN บ่อย เพราะอยู่ได้นาน ประหยัดต้นทุนในระยะยาว
7. ในระยะยาว สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ ถ้าเทียบกับการซื้อ Backlink แบบ1-1

ข้อเสีย – ของการทำ PBN แบบมีคุณภาพ

1. ใช้เวลาเยอะ เพราะต้องทำให้เนื้อหาติดอันดับบน Google ด้วย “ คล้าย ๆ ทำเว็บหลัก ”
2. ถ้าปั้นใหม่เริ่มจาก 0 เลย ค่อนข้างที่จะใช้เวลานานกว่าปกติ หลัก ๆ จะใช้เวลา 6 เดือนขึ้นไปครับ
3. ข้อนี้คล้าย ๆ ข้างบน จะทำอันดับสู้กับ PBN ที่มี Backlink ติดมาไม่ได้
4. ใช้ทีมในการดูแลค่อนข้างเยอะ / เหมาะสำหรับคนที่มีงบ

2.PBN แบบไม่มีคุณภาพ

ลักษณะ PBN ที่ไม่มีคุณภาพ จะเน้นค่า สเตตัสสูง แต่จะไม่มีผู้เข้าชม หรือไม่มี Keywords ติดอยู่บน Search Engine
“แต่ถามว่าทำอันดับได้จริงหรือไม่ ” คำตอบคือ สามารถทำได้จริงครับ แต่ต้องใช้จำนวนเข้าแลกครับ อีกอย่าง สเตตัสที่แคปมาโชว์ มูลค่าไม่น้อยนะครับ บางเว็บ มีคนยอมซื้อ หลัก 5 แสนบาทเลยก็มี

ข้อดี – ของการทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพ

1. โดยปกติแล้ว PBN แนวนี้จะเป็นการซื้อโดเมนเก่าที่มี Backlink ติดมาแล้วเอามาเปลี่ยนเนื้อหาใหม่ จึงทำให้ทำอันดับได้รวดเร็วกว่าปกติครับ
2. ใช้งบไม่เยอะ เพียงแค่ซื้อเว็บไซต์ที่มีค่าพลังสูง ๆ หรือมี Backlink ติดมา แล้วเอามาลงบทความที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถทำอันดับได้ทันที
3. ไม่ต้องดูแลมาก เขียนบทความแล้วก็ยิงลิ้งก์ แล้วก็วนลูป สร้างใหม่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เน้นจำนวน

ข้อเสีย – ของการทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพ

1. มีโอกาสโดนลงโทษจาก Google สูงครับ แต่ปัจจุบันนี้รู้สึกว่า จะไม่โดน Sandbox แล้วนะครับ ส่วนมากจะทำให้ อันดับตกไปเฉย ๆ หรือ ไม่นับคะแนน จาก PBN ที่ส่งพลังมาครับ
2. ระยะเวลาของ PBN ค่อนข้างที่จะสั้น ส่วนมากจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปีครับ ในกรณีที่ไม่ดูแลเลย
3. มีโอกาสที่จะไม่ได้ผล “ ในกรณีที่ทำไม่เป็น ” ซึ่งอาจจะเสียเงินและเสียเวลา

ซื้อโดเมนทำ PBN ได้จากที่ไหน?

1. ถ้าจะเอาแบบคุณภาพแล้วจดใหม่ ก็สามารถจด Domain ได้ทุก hosting เลยครับ
2. ถ้าอยากจะหาซื้อโดเมนเก่ามาทำ PBN ก็แนะนำเว็บข้างล่างนี้นะครับ
   – https://member.expireddomains.net/
   – https://www.domcop.com/

สรุป

• PBN ถูกย่อมาจากคำว่า “Private Blog Network”
• จุดประสงค์การทำ PBN ก็คือ การทำอันดับ
• PBN มี 2ประเภท มีแบบสายคุณภาพ กับ สายสเตตัส ใครชอบแบบไหนก็เลือกทำกันเอาเอง
• ซื้อโดเมนทำ PBN ได้ที่ไหน อันนี้ก็บอกไปแล้ว

ก็หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับทุก ๆ คนที่กำลังค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่อง PBN ถ้าหากว่าชอบใจก็สามารถกดติดตาม เพื่อที่จะรับฟังบทความเกี่ยวกับ SEO ถัด ๆ ไปได้จากเว็บไซต์ nerdoptimize.com สำหรับวันนี้ ขอตัวลาไปก่อนสวัสดีครับ

แหล่งอ้างอิง : https://nerdoptimize.com/private-blog-networks/