
จอมอนิเตอร์ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่จำเป็นสำหรับการทำงาน การเล่นเกม และการใช้งานด้านต่าง ๆ ปัจจุบันมีจอมอนิเตอร์หลายประเภทให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกจอให้เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ประเภทของจอมอนิเตอร์ รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกจอที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
หัวข้อ
ประเภทของจอมอนิเตอร์ (Monitor)
1. จอ LCD (Liquid Crystal Display)
จอ LCD เป็นจอที่ใช้ คริสตัลเหลว (Liquid Crystal) ในการแสดงภาพ มี หลอดไฟ Backlight เป็นแหล่งกำเนิดแสง นิยมใช้ในคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์ทั่วไป
ข้อดี
- ราคาถูกกว่าจอประเภทอื่น
- ใช้พลังงานต่ำกว่าจอ CRT
- น้ำหนักเบาและบางกว่าจอรุ่นเก่า
ข้อเสีย
- สีและมุมมองอาจไม่แม่นยำเท่าจอ OLED
- การแสดงผลสีดำอาจไม่ลึกเท่าจอ LED หรือ OLED
2. จอ LED (Light Emitting Diode)
จอ LED เป็นจอที่พัฒนาต่อยอดจาก LCD โดยใช้ หลอดไฟ LED แทนหลอด CCFL เพื่อให้ได้สีที่สดใสขึ้นและลดการใช้พลังงาน
ข้อดี
- สว่างกว่าจอ LCD
- ใช้พลังงานน้อยลง
- มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าจอ LCD
- มุมมองภาพอาจแคบกว่าจอ IPS
3. จอ OLED (Organic Light Emitting Diode)
จอ OLED ใช้ สารอินทรีย์ที่สามารถเปล่งแสงได้เอง โดยไม่ต้องใช้แหล่งกำเนิดแสงจาก Backlight ทำให้สามารถแสดงสีดำได้ดำสนิท และให้สีที่แม่นยำมากขึ้น
ข้อดี
- สีสันสดใสและคมชัด
- แสดงสีดำได้ลึกกว่าจอ LED และ LCD
- อัตราตอบสนองเร็ว เหมาะสำหรับเกมและงานวิดีโอ
- บางและยืดหยุ่นกว่า
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าจอประเภทอื่น
- มีปัญหา Burn-in หากใช้งานหนัก
4. จอ IPS (In-Plane Switching LCD)
จอ IPS เป็นเทคโนโลยีของจอ LCD ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพของสีและมุมมองที่กว้างขึ้น ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับงานกราฟิกและการทำงานที่ต้องการความแม่นยำของสี
ข้อดี
- มุมมองกว้างกว่า TN และ VA
- สีสันแม่นยำ เหมาะกับงานกราฟิกและแต่งภาพ
- คุณภาพการแสดงผลที่เสถียรเมื่อมองจากหลายมุม
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าจอ TN
- อัตราตอบสนอง (Response Time) ช้ากว่าจอ TN และ OLED
- ใช้พลังงานมากกว่าจอ TN
5. จอ TN (Twisted Nematic LCD)
จอ TN เป็นจอ LCD รุ่นแรกที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีอัตราการตอบสนองที่เร็วและต้นทุนการผลิตต่ำ เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการ Refresh Rate สูง
ข้อดี
- ราคาถูกกว่าจอ IPS และ OLED
- อัตราตอบสนองเร็ว เหมาะสำหรับเกมที่ต้องการความเร็วสูง
- Refresh Rate สูงถึง 240Hz หรือมากกว่า
ข้อเสีย
- สีและมุมมองแคบกว่าจอ IPS และ VA
- คุณภาพสีไม่เหมาะสำหรับงานกราฟิก
6. จอ VA (Vertical Alignment LCD)
จอ VA เป็นจอ LCD ที่อยู่ระหว่าง TN และ IPS โดยให้คอนทราสต์ที่สูงกว่า และมุมมองกว้างกว่า TN แต่ยังไม่ดีเท่า IPS
ข้อดี
- คอนทราสต์สูง ให้สีดำที่ลึกกว่า TN และ IPS
- มุมมองกว้างกว่า TN
- เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์และความบันเทิง
ข้อเสีย
- Response Time ช้ากว่า TN และ IPS
- อาจเกิด Ghosting ในภาพเคลื่อนไหวเร็ว
7. จอ Ultrawide (จอกว้างพิเศษ)
จอ Ultrawide มีอัตราส่วนภาพ 21:9 หรือ 32:9 ซึ่งกว้างกว่าจอปกติ (16:9) ทำให้สามารถใช้งานแบบหลายหน้าต่างพร้อมกันได้ดีขึ้น
ข้อดี
- เพิ่มพื้นที่การทำงานและการเล่นเกมที่สมจริงขึ้น
- เหมาะกับงานมัลติทาสก์และการตัดต่อวิดีโอ
- ลดการใช้จอหลายตัว
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าจอปกติ
- อาจไม่รองรับเกมบางเกมที่ออกแบบมาสำหรับ 16:9
วิธีเลือกจอมอนิเตอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน
- งานทั่วไป & เรียนออนไลน์ – ใช้ จอ LED หรือ IPS ขนาด 24-27 นิ้ว, Full HD ขึ้นไป
- งานกราฟิก & ตัดต่อวิดีโอ – เลือก จอ IPS หรือ OLED ที่รองรับ sRGB และ AdobeRGB
- เล่นเกม – เลือก จอ TN หรือ IPS ที่มี Refresh Rate 144Hz – 240Hz และ Response Time ต่ำ
- งานดูหนัง & มัลติมีเดีย – เลือก จอ VA หรือ OLED ที่มีคอนทราสต์สูง และรองรับ HDR
- งานหลายหน้าต่าง & เทรดหุ้น – เลือก จอ Ultrawide หรือ Dual Monitor เพื่อเพิ่มพื้นที่การทำงาน
สรุป
จอมอนิเตอร์มีหลายประเภทและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกจอที่ดีต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดหน้าจอ, ประเภทพาเนล, Refresh Rate, Response Time และความละเอียด เพื่อให้ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด หากคุณกำลังมองหาจอที่เหมาะสมกับงานของคุณ อย่าลืมพิจารณาตามคำแนะนำในบทความนี้! 😊
ติดต่อเรา
- Facebook : KNmasters รับทำเว็บไซต์ WordPress SEO Backlink การตลาดออนไลน์ครบวงจร
- LINE : KNmasters
- Youtube : KNmasters
- Instagram : knmasters.official
- Tiktok : KNmasters.official
- Twitter : KNmasters Official
- เว็บไซต์ : www.knmasters.com
- แผนที่ : KNmasters
