WordPress คืออะไร? ทำไมจึงได้รับความนิยมในการใช้ทำเว็บไซต์

WordPress คืออะไร? ทำไมจึงได้รับความนิยมในการใช้ทำเว็บไซต์
KNmasters

ในยุคปัจจุบัน เราไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนในปัจจุบันแล้ว นักวิชาการด้านไอทีและผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซีได้รายงานสถิติที่เสนอให้เราทราบว่า อัตราส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตต่อประชากรทั้งหมดในประเทศไทยถึงมูลค่า 77.8% (ข้อมูลอัพเดตเดือนมกราคม พ.ศ.2565) ดังนั้น เมื่อเราเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเอง เราจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้อินเทอร์เน็ตให้มากที่สุด หนึ่งในวิธีการที่ดีคือการนำเอาอินเทอร์เน็ตมาใช้ในการโปรโมทธุรกิจผ่านการสร้างเว็บไซต์ ไม่เพียงแค่ช่วยโปรโมทสินค้าหรือธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของธุรกิจอีกด้วย ในปัจจุบัน มีการพัฒนาและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมามากมาย ทำให้การสร้างเว็บไซต์ไม่เป็นเรื่องยุ่งยากอีกต่อไป และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาอีกด้วย ถ้าคุณเลือกใช้ WordPress

WordPress คืออะไร?

WordPress อ่านว่า เวิร์ดเพรสส์ มันคือ โปรแกรมที่ช่วยในการสร้างจัดการ และบริหารเนื้อหาเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป ซึ่งจะเป็นประเภท CMS ย่อมาจาก Contents Management System ภาษาที่ใช้ในการเขียนคือ ภาษา PHP และใช้ MySQL เป็นตัวจัดการฐานข้อมูล โดยส่วนหลักๆแล้วตัว WordPress จะประกอบไปด้วย

  1. WordPress Core เป็นตัวหลักในการจัดการเว็บไซต์ สร้างขึ้นมาเพื่อจัดการเนื้อหาต่างๆ โดยจะมีการแบ่งในส่วนของหน้าหลัก และบทความเพื่อให้ง่ายสำหรับการใช้งาน 
  2. Theme เป็นสิ่งที่กำหนดรูปแบบ การออกแบบ ของหน้าเว็บไซต์ให้ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด รวมปถึงการแสดงผลในอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แท็ปแล็ป หรือมือถือ
  3. Plugin เป็นส่วนเสริมของ WordPress ที่เป็นส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถของเว็บไซต์ได้ ยกตัวอย่างเช่น ระบบสมาชิก, ระบบสร้างหน้าเว็บไซต์, ระบบการชำระเงิน และระบบตะกร้าสินค้าเป็นต้น 

WordPress นอกจากจะมีการสนับสนุนระบบหน้าบ้านอย่างเต็มที่แล้ว ในส่วนของ ระบบหลังบ้าน (Dashboard) ก็โดดเด่นไม่แพ้กันหรือที่เรียกว่า ระบบจัดการบทความ ที่มีไว้สำหรับจัดการข้อมูลต่างๆบนอินเตอร์เน็ตเพื่อให้ง่ายต่อการนำมาใช้งานมากขึ้น อีกทั้งยังสร้างและจัดการเนื้อหาต่างๆบนเว็บไซต์โดยไม่ต้องดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา แต่สามารถทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตได้เลย ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้งาน ไม่ต้องเสียเลาเขียนโค้ดให้ยุ่งยากอีกต่อไป

WordPress สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ

WordPress สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักคือ WordPress.com และ WordPress.org เรามาดูความแตกต่างกันของทั้ง 2 แบบเลยดีกว่า  

1. WordPress.com

ในการให้บริการแบบ Host Service นั้น มีลักษณะที่แบ่งออกเป็นสองประเภทคือ แบบไม่ชำระเงินและแบบชำระเงิน

สำหรับการให้บริการแบบไม่ชำระเงิน คุณสามารถเข้าใช้งานได้ทันทีเพียงแค่ทำการสมัครสมาชิกที่ WordPress.com เท่านั้น ในส่วนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองใช้งานเว็บไซต์หรือสร้างบล็อกส่วนตัวของตัวเอง อย่างไรก็ตาม การใช้บริการแบบฟรีนั้นจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น จำกัดในการเลือกใช้งานเทมเพลตและปลั๊กอินเนื่องจากไม่สามารถนำเข้าจากแหล่งภายนอกได้ อีกสิ่งหนึ่งคือชื่อเว็บไซต์ที่คุณใช้จะต้องมีรูปแบบ “ชื่อเว็บของคุณ.wordpress.com”

แหล่งอ้างอิง : wordpress.com

แบบชำระเงิน จะเป็นรูปแบบการชำระรายปี ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และความสามารถของเว็บไซต์ของเราได้ตามความต้องการ ตอบสนองทุกการทำงานเพื่อให้ได้งานที่ออกมามีคุณภาพที่สุดเช่น สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูล, มี Theme และ Plugin หลากหลายให้เลือกได้ตามชอบ, สามารถจดชื่อโดเมนเป็นชื่อที่เราต้องการได้ เป็นต้น

2. WordPress.org

เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์แบบ Open-Source ที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานฟรี 100% เพียงแค่เราต้องไปดาวน์โหลดมาติดตั้งด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าเราเป็นเจ้าของเว็บไซต์โดยแท้จริงนั้นเอง เพราะเราสามารถสร้างเว็บไซต์ ปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ ทั้งการติดตั้ง Theme และ Plugin ที่เรานำมาจากภายนอก ก็สามารถนำมาติดตั้งได้เช่นกัน รวมไปถึงการทำเว็บไซต์ที่มีระบบตะกร้าสินค้า แบบ E-commerce เป็นต้น

WordPress รูปแบบนี้นิยมใช้กันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ถึงแม้จะดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรี แต่เราก็ยังมีในส่วนของค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อให้เว็บไซต์ของเราออกมาสมบูรณ์ที่สุด เช่น การเช่า Hosting ที่ค่าบริการจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ ประสิทธิภาพของ Hosting หรือการจดชื่อโดเมน รวมไปถึงส่วนของการออกแบบเว็บไซต์ หากเราไม่ต้องการออกแบบด้วยตัวเอง แนะนำให้ทำการเลือกซื้อ Theme ทั้งลูกเล่นใหม่ๆที่ทำให้เว็บไซต์ของเราน่าสนใจยิ่งขึ้น รูปแบบการออกแบบก็มีให้เลือกมากมาย และมีราคาที่หลากหลายให้เราได้เลือกซื้อได้ตามความต้องการ ในส่วนของการติดตั้งสามารถศึกษาและใช้งานได้เองตามคู่มือที่เราได้รับมา

แหล่งอ้างอิง : wordpress.org

WordPress มีข้อดีอย่างไร?

เนื่องจาก WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System หรือ CMS) ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด จึงเป็นที่นับถือและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย นอกจากความสามารถในการทำงานได้หลากหลายภาษาแล้ว เรามาพิจารณาดูความได้เปรียบกันของ WordPress ที่ทำให้ปัจจุบันนี้ทุกคนมักจะเลือกใช้ WordPress กัน

  1. ง่ายต่อการใช้งาน: WordPress มีการออกแบบและพัฒนาให้ใช้งานได้อย่างง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือเชี่ยวชาญ คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันทีและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
  2. ปรับแต่งและสร้างเว็บไซต์ตามต้องการ: WordPress มีธีม (Themes) และปลั๊กอิน (Plugins) มากมายที่ให้เลือกใช้ เช่นธีมชุดตกแต่งเว็บไซต์ และปลั๊กอินสำหรับเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณตอบสนองความต้องการและเป้าหมายทางธุรกิจ
  3. ความยืดหยุ่นในการขยายขนาด: WordPress สามารถขยายขนาดได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการของธุรกิจหรือเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์บล็อกส่วนตัวหรือเว็บไซต์ขนาดใหญ่
  4. รองรับการทำ SEO (Search Engine Optimization): WordPress มีส่วนเสริม SEO ที่ช่วยให้คุณปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO ในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google
  5. ชุมชนและการสนับสนุน: WordPress มีชุมชนผู้ใช้งานที่ใหญ่และกระตือรือร้น คุณสามารถหาคำแนะนำและแบ่งปันความรู้กับผู้ใช้งานคนอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนออนไลน์และเอกสารคู่มือที่ให้คำแนะนำในการใช้งาน

ดังนั้น ไม่แปลกที่ทุกคนกลับมาใช้ WordPress เพราะมีความสะดวกสบาย ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง และความเหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ

ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ WordPress

ข้อดีข้อเสีย
ระบบการจัดการ (CMS)สร้างและจัดการเนื้อหาได้อย่างง่ายและสะดวกต้องมีการอัปเกรดและการบำรุงรักษาเวอร์ชัน
ธีม(Theme) และ ปลั๊กอิน (Plugin)มีธีมและปลั๊กอินที่หลากหลายเพื่อปรับแต่งเว็บไซต์บางฟีเจอร์อาจจำเป็นต้องใช้ปลั๊กอินเสริม
ความปลอดภัย (Security)มีความปลอดภัยที่มีคุณภาพสูงการปรับแต่งธีมอาจจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค
การปรับแต่งเว็บ (Customization)สนับสนุน SEO และการตอบสนองมีข้อจำกัดในการปรับแต่งเว็บไซต์อย่างอิสระ
ชุมชุนและการสนับสนุน (Comunity)มีการรองรับและชุมชนออนไลน์ที่ใหญ่บางครั้งอาจมีปัญหาการเข้าถึงเว็บไซต์หากมีการแข่งขัน

โดยสรุป WordPress เป็นแพลตฟอร์มที่มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย และเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างและดำเนินการเว็บไซต์ให้ง่ายและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาความต้องการและความเหมาะสมของเว็บไซต์ก่อนตัดสินใจใช้ WordPress

ติดต่อเรา

บทความที่น่าสนใจ

KNmasters
แผนที่ Google (Google Maps) คืออะไร?
Google Maps เป็นบริการแผนที่ออนไลน์ที่ถูกพัฒนาโดย Google ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมอย่าง...
KNmasters
SEO สายดำ (Black Hat SEO) คืออะไร?
ในโลกของการทำ SEO (Search Engine Optimization) มีกลยุทธ์และวิธีการหลายแบบที่นำมาใช้เพื่อเพิ่มการแสดง...
KNmasters
การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) คืออะไร? สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร?
บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้สื่อดิจิท...
KNmasters
SEO สายเทา (Gray Hat SEO) คืออะไร? แตกต่างจาก SEO สายขาวอย่างไร?
SEO สายเทา เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาปัจจุบันที่การ...
seo search engine optimization modish ecommerce online retail business showing computer screen (Website)
SEO (Search Engine Optimization) คืออะไร? ถ้าอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ต้องรู้!
SEO (Search Engine Optimization) หรือการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับบน Google มีความสำคัญอย่างม...
KNmasters
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต Web 1.0 การท่องโลกอินเทอร์เน็ตยุคแรก
Web 1.0 เป็นระบบเว็บไซต์ในยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่เริ่มเปิดใช้ในต้นปี 1990 โดยเริ่มต้นจากการใช้งานเพ...