ในโลกดิจิทัลปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเรา คำว่า “IP Address” เป็นคำที่พบบ่อย ไม่ว่าจะเป็นการเรียกดูข้อมูลบนเว็บไซต์หรือการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเครือข่าย การเข้าใจ IP Address เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องการ ในบทความนี้เราจะพาท่านไปรู้จักกับ IP Address อย่างละเอียด
IP Address คืออะไร?
ที่อยู่ไอพี (IP Address) คือ ตัวระบุที่ใช้กำหนดให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลผ่านกันได้ มันเปรียบเสมือนเลขบัตรประชาชนของอุปกรณ์เหล่านั้น เพื่อให้สามารถระบุตัวตนและส่งข้อมูลได้อย่างถูกต้อง
IP Address จะเป็นตัวแทนของเครื่องคอมพิวเตอร์ในโลกใบนี้ สามารถบอกได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ที่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเลข IP Address จะไม่ซ้ำกัน พูดง่ายๆ ก็เหมือนเลขที่บ้านที่ไม่ซ้ำกัน เพราะถ้าซ้ำการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายก็อาจจะงงได้ว่าต้องส่งข้อมูลไปที่ไหนกันแน่
โดยมีการแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
- Network Address (ที่อยู่เครือข่าย)
- Network Address หมายเลข IP สำหรับเครือข่าย จะถูกตั้งด้วย Router
- เป็นส่วนหนึ่งของ IP Address ที่ใช้ระบุตัวตนของเครือข่ายในระบบเครือข่าย
- ส่วนของ Network Address จะระบุถึงเครือข่ายที่อยู่บนเครือข่ายเดียวกัน และมีค่าเหมือนกันสำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน
- หากมองในรูปแบบของ IP Address ที่เป็น IPv4 ส่วน Network Address จะเป็นตัวเลขที่ตั้งแต่เลขแรกจนถึงตัวเลขก่อนจุดที่แยก Network Address กับ Computer Address เช่น 192.168.1.0
- Computer Address (ที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์)
- เป็นส่วนหนึ่งของ IP Address ที่ใช้ระบุตัวตนของเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย
- ส่วนของ Computer Address จะระบุถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายนั้น ๆ ซึ่งจะมีค่าที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์
- หากมองในรูปแบบของ IP Address ที่เป็น IPv4 ส่วน Computer Address จะเป็นตัวเลขหลังจุดที่แยก Network Address กับ Computer Address เช่น 192.168.1.100
แบ่ง IP address ตาม Class
การแบ่ง IP Address ตาม Class คือ การกำหนดช่วงของ IP Address ให้ตรงตามกลุ่มหมายเลขของตัวแรกของ IP Address (หรือเลขเครื่องหนึ่งบิต) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำในอดีตเพื่อการจัดการทรัพยากรของเครือข่าย การแบ่ง IP Address เป็นตาม Class สามารถแบ่งได้ดังนี้
- Class A
- ช่วง IP Address: 1.0.0.0 ถึง 126.255.255.255
- เลขเครื่องหนึ่งบิต (หรือเลขแรกของ IP Address) จะเป็น 0 ถึง 126
- ใช้สำหรับเครือข่ายขนาดใหญ่มาก มี IP Address ทั้งหมดประมาณ 16 ล้าน IP
- Class B
- ช่วง IP Address: 128.0.0.0 ถึง 191.255.255.255
- เลขเครื่องหนึ่งบิต (หรือเลขแรกของ IP Address) จะเป็น 128 ถึง 191
- ใช้สำหรับเครือข่ายขนาดกลาง มี IP Address ทั้งหมดประมาณ 65,536 IP
- Class C
- ช่วง IP Address: 192.0.0.0 ถึง 223.255.255.255
- เลขเครื่องหนึ่งบิต (หรือเลขแรกของ IP Address) จะเป็น 192 ถึง 223
- ใช้สำหรับเครือข่ายขนาดเล็ก มี IP Address ทั้งหมดประมาณ 256 IP
- Class D
- ช่วง IP Address: 224.0.0.0 ถึง 239.255.255.255
- ไม่ได้ใช้สำหรับเครือข่าย แต่ใช้สำหรับกลุ่ม Multicast ในการส่งข้อมูลไปยังกลุ่มของอุปกรณ์
- Class E
- ช่วง IP Address: 240.0.0.0 ถึง 255.255.255.255
- ไม่ได้ใช้สำหรับเครือข่าย ถูกสงวนไว้สำหรับการใช้งานในอนาคต
หมายเหตุ: การแบ่ง IP Address เป็น Class ตามข้อกำหนดของ IPv4 เป็นการใช้งานในอดีต ในปัจจุบัน IPv6 ได้เปิดให้ใช้งานแล้วเพื่อเรียกใช้หมายเลข IP Address ในจำนวนที่มากกว่า และไม่มีการแบ่งตาม Class อีกแล้ว ทำให้มีหมายเลข IP Address มากพอสมควรสำหรับการขยายขนาดของเครือข่ายในปัจจุบัน
ตารางเปรียบเทียบการแบ่ง IP address ตาม Class
ชื่อ Class | เลขบิตเริ่มต้น | ช่วง IP Address | จำนวนที่อยู่ที่แบ่ง | การใช้งานที่สำคัญ |
---|---|---|---|---|
Class A | 0 | 1.0.0.0 – 126.255.255.255 | 2^7 = 128, ได้เลขที่อยู่ 1.0.0.0 – 126.255.255.255 | ใช้สำหรับองค์กรหรือองค์กรขนานใหญ่ |
Class B | 10 | 128.0.0.0 – 191.255.255.255 | 2^14 = 16,384, ได้เลขที่อยู่ 128.0.0.0 – 191.255.255.255 | ใช้สำหรับองค์กรขนานกลางหรือองค์กรขนานเล็ก |
Class C | 110 | 192.0.0.0 – 223.255.255.255 | 2^21 = 2,097,152, ได้เลขที่อยู่ 192.0.0.0 – 223.255.255.255 | ใช้สำหรับองค์กรขนานเล็กและเครือข่ายที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์น้อย |
Class D | 1110 | 224.0.0.0 – 239.255.255.255 | ไม่มีการแบ่งที่อยู่ | ใช้สำหรับการกำหนดกลุ่ม Multicast |
Class E | 1111 | 240.0.0.0 – 255.255.255.255 | ไม่มีการแบ่งที่อยู่ | ใช้สำหรับการทดสอบและการส่งผ่านข้อมูลที่พิเศษ |
หมายเหตุ: หมายเลขบิตเริ่มต้นของแต่ละ Class ถูกแสดงด้วยเลขฐาน 10 ในตารางนี้เพื่อความง่ายในการเข้าใจ แต่จริงๆ แล้วเป็นเลขฐาน 2 แบบที่มีการแสดงด้วยเลข 0 และ 1 ดังนั้น ชื่อ Class และเลขบิตเริ่มต้นในตารางเป็นเพียงเปรียบเทียบให้เข้าใจโครงสร้างของการแบ่ง IP address แต่ละ Class
IPv4 และ IPv6
IPv4 และ IPv6 เป็นรูปแบบของ IP Address ที่ใช้ในการระบุตัวตนของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยทั้งคู่มีลักษณะและจำนวนบิตที่แตกต่างกันดังนี้
- IPv4 (Internet Protocol version 4)
- เป็นรูปแบบที่ใช้กันมาก่อนและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
- มีเลขบิตทั้งหมด 32 บิต
- มีรูปแบบเป็นจำนวน 4 ชุดที่แยกด้วยจุด เช่น 192.168.1.1
- จำนวน IP Address ในรูปแบบนี้มีจำนวนจำกัด โดยมีทั้งหมดประมาณ 4,294,967,296 IP Address เท่านั้น
- IPv6 (Internet Protocol version 6)
- เป็นรูปแบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ที่มากขึ้น
- มีเลขบิตทั้งหมด 128 บิต
- มีรูปแบบเป็นจำนวน 8 ชุดที่แยกด้วยเครื่องหมายคอลอน เช่น 2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334
- จำนวน IP Address ในรูปแบบนี้มีจำนวนมากกว่า IPv4 เป็นอย่างมาก ทำให้สามารถรองรับอุปกรณ์ที่ใช้งานเกิดขึ้นอยู่มากขึ้นในอนาคต
การใช้งาน IPv4 ยังคงอยู่ในการทำงานของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน แต่เนื่องจากจำนวน IP Address ที่มีในรูปแบบนี้เริ่มลดลง การใช้งาน IPv6 ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเพื่อให้มี IP Address มากพอให้รองรับอุปกรณ์ที่ใช้งานเกิดขึ้นอยู่มากขึ้นในอนาคต
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง IPv4 และ IPv6
ลักษณะ | IPv4 | IPv6 |
---|---|---|
ขนาด IP | 32 บิต | 128 บิต |
จำนวน IP ทั้งหมด | ประมาณ 4.3 พันล้าน IP | ประมาณ 3.4 x 10^38 IP |
รูปแบบ IP | จำนวน 4 ชุดหมายเลขที่คั่นด้วยจุด (.) | 8 ชุดของหมายเลขฐาน 16 ที่คั่นด้วยเครื่องหมายโคลอน (:) |
การกำหนด IP | ที่อยู่แบบสาธารณะหรือเอกชน | ที่อยู่แบบสาธารณะหรือเอกชน |
ตัวอย่าง IP | 192.168.1.10 | 2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:7334 |
การใช้งาน | ใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกดิจิทัล | ใช้สำหรับการขยายโครงข่ายและอุปกรณ์ที่มีจำนวนมาก |
ความปลอดภัย | ต่ำ (จำนวน IP จำกัด) | สูง (มี IP ที่มากพอที่จะยืนยันตัวตนของอุปกรณ์) |
หมายเหตุ: จำนวนที่อยู่ใน IPv6 นั้นมีมากถึงขนาดใหญ่มากที่สุด ทำให้เปิดโอกาสให้ใช้งานในอนาคตได้มากยิ่งขึ้นและรองรับการขยายโครงข่ายที่ใหญ่ขึ้นอีกด้วยความท้าทายในโลกดิจิทัลที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยต้องการ IP Address เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการเชื่อมต่อที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
การแบ่งประเภทของ IP Address
IP Address สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ IP Address สาธารณะและ IP Address เอกชน
- IP Address สาธารณะ: เป็น IP Address ที่ใช้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรงเพื่อให้สามารถเข้าถึงจากทุกที่ที่บนโลก การใช้งาน IP Address สาธารณะจำนวนมากจะเป็นการใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือใช้ในการให้บริการเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ให้ผู้ใช้งานทั่วไปเข้าถึง
- IP Address เอกชน: เป็น IP Address ที่ใช้ภายในองค์กรหรือเครือข่ายเท่านั้น คือ อุปกรณ์ในองค์กรสามารถใช้งาน IP Address เอกชนในการติดต่อและสื่อสารกันภายในเครือข่ายภายใน แต่ไม่สามารถเข้าถึงจากภายนอกอินเทอร์เน็ตได้ การใช้งาน IP Address เอกชนเป็นการช่วยให้มีการจัดการและควบคุมเครือข่ายภายในองค์กรได้เป็นอย่างดี
การแบ่งประเภทของ IP Address นี้มีประโยชน์ในการสร้างระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยและช่วยให้การเข้าถึงของผู้ใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในทั้งหมดของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายภายในองค์กร การจัดสรร IP Address ให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานเครือข่ายในปัจจุบัน
ความปลอดภัยของ IP Address
ความปลอดภัยของ IP Address เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องข้อมูลและเครือข่ายในอินเทอร์เน็ต นี่คือบางประเภทของความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับ IP Address
- การระบุตัวตน: IP Address ทำหน้าที่เป็นตัวระบุให้กับอุปกรณ์ในเครือข่าย ซึ่งอาจใช้เพื่อระบุตัวตนของเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต การระบุตัวตนนี้สามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบการเข้าถึงและการควบคุมการเชื่อมต่อในเครือข่าย
- ความเป็นส่วนตัว: IP Address สามารถใช้ในการติดตามการใช้งานและกิจกรรมของผู้ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้มีความเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของผู้ใช้งาน การรักษาความเป็นส่วนตัวของ IP Address เป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
- ความปลอดภัยของเครือข่าย: IP Address เป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ความปลอดภัยของเครือข่ายทำให้เครือข่ายมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยจากการโจมตีและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต การเก็บรักษาและจัดการ IP Address ให้เป็นปลอดภัยมีความสำคัญเพื่อปกป้องเครือข่ายและข้อมูลของผู้ใช้งาน
- การป้องกันการโจมตี: IP Address สามารถถูกใช้ในการทำโจมตีต่างๆ โดยการโจมตีเครือข่ายหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มี IP Address ที่ไม่ปลอดภัย การป้องกันการโจมตีในระดับ IP Address เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยและเสถียร
สรุป IP Address เป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งานเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต การระบุตัวตนและการรักษาความเป็นส่วนตัวของ IP Address เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กรต่างๆ
ความหลากหลายของ IP Address
การจัดการ IP Address ในโลกดิจิทัลที่มีอุปกรณ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่จริงๆ การมีจำนวน IP Address ที่มีความหลากหลายมากขึ้นนั้น ทำให้เกิดความซับซ้อนในการจัดการและควบคุมเครือข่าย รวมถึงการตรวจสอบและป้องกันการโจมตีที่มากขึ้น
เพื่อให้การใช้งาน IP Address เป็นประสิทธิภาพ หน่วยงานต่าง ๆ และองค์กรจำนวนมากได้นำเสนอเทคโนโลยี IPv6 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ของ IP Address ที่มีจำนวนที่อยู่มากกว่า IPv4 และสามารถรองรับอุปกรณ์ในโลกดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นได้ดียิ่งขึ้น การใช้งาน IPv6 นี้ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาความจำเป็นในการขยายขนาด IP Address และมีประสิทธิภาพในการระบุตัวตนและการเชื่อมต่อในเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบเครือข่ายแบ่ง IP address เป็น 2 แบบ คือ
- IP address แบบ Local: ใช้ในเครือข่ายภายใน โดยกำหนดด้วยอุปกรณ์เครือข่าย เช่น Hub, Router, Switch ที่ให้ IP address ให้กับอุปกรณ์ภายในเครือข่ายให้สามารถสื่อสารกันได้ ซึ่งอยู่ในช่วง IP address ที่กำหนดเป็น Private IP address ซึ่งไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์โดยตรงได้
- IP address แบบ Internet: ใช้ในเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะเป็นหมายเลขที่ได้รับจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เราสามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้ ซึ่งอยู่ในช่วง IP address ที่กำหนดเป็น Public IP address ที่สามารถเข้าถึงจากโลกออนไลน์ได้
ดังนั้น การรู้และเช็ค IP address จะช่วยให้เราระบุตำแหน่งและติดตามการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
IP Address เป็นสิ่งสำคัญในโลกของอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อทุกคนกับโลกออนไลน์ เนื่องจากเป็นตัวระบุที่ใช้กำหนดให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลผ่านกันได้ การเข้าใจและการใช้งาน IP Address เป็นสิ่งสำคัญในการเชื่อมต่อและการใช้งานในทุกๆ วัน การใช้งานอินเทอร์เน็ตควรให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นส่วนตัวและการรักษาความลับของข้อมูลส่วนตัว เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของตนเองและความเชื่อมั่นในการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือความเชื่อถือในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานในเว็บไซต์ ควรระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นหรือการใช้งานไม่ให้ผิดกฎหมาย และเพื่อให้ระบบสามารถตรวจสอบที่ตั้งของเครื่องที่ใช้งานได้อยู่ดี
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ IP Address
IP Address คือ ตัวระบุที่ใช้กำหนดให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลผ่านกันได้
IPv4 เป็นรุ่นแรกที่ใช้กันมาก่อน แต่มีจำนวน IP ที่ใช้งานได้น้อยลง ในขณะที่ IPv6 เป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวน IP ให้กับอุปกรณ์ในโลกดิจิทัล ซึ่ง IPv6 มีความยืดหยุ่นและมีจำนวน IP Address มากมาย ช่วยให้สามารถรองรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากมายในปัจจุบัน การใช้งาน IPv6 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานและเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
IP Address สาธารณะใช้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง เพื่อให้สามารถเข้าถึงจากทุกที่ที่บนโลก ในขณะเดียวกัน IP Address เอกชนใช้ภายในองค์กรหรือเครือข่ายเท่านั้น ซึ่งเป็นการจัดการที่ถูกต้องเพื่อให้เครือข่ายในองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นส่วนตัว
สถาบันการจัดสรรที่อยู่เครือข่ายหรือ RIR (Regional Internet Registry) มีหน้าที่จัดสรร IP Address ให้กับประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการ IP Address ในโลกออนไลน์ เพื่อให้การใช้ IP Address เป็นอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบ และรองรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์และเครือข่ายต่างๆ ในระบบอินเทอร์เน็ตให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและมีความยั่งยืน ทำให้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถทำงานได้ต่อเนื่องและเชื่อมต่อกันเป็นอย่างมีประสิทธิภาพในทั่วโลก
ใช้งานได้ เพราะ IP Address สามารถใช้เพื่อติดตามและระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้ในบางกรณี โดยเฉพาะในระบบเครือข่าย IP Address เป็นตัวระบุที่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายในโลกออนไลน์ ซึ่งทำให้เครือข่ายสามารถรับส่งข้อมูลให้กับอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง และสามารถตรวจสอบสถานะและการใช้งานของอุปกรณ์หรือผู้ใช้งานได้ เช่น ในกรณีของเว็บไซต์ที่มีการตรวจสอบ IP Address ของผู้เข้าชม หรือในการตรวจสอบความเป็นปกติของการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ภายในเครือข่าย การใช้ IP Address นี้ต้องใช้เพื่อประโยชน์และตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานในเครือข่ายอย่างเหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อควรระวัง
IP Address เป็นสิ่งสำคัญในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่ควรระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยเพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดี การเรียนรู้วิธีการตั้งค่าความปลอดภัยที่ถูกต้องจำเป็นเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิในความเป็นส่วนตัวของเรา ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นทราบ อีเมล์ที่ลงทะเบียนกับบริการต่างๆควรเป็นอีเมล์ที่มีความปลอดภัย และหากมีการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในสถานที่สาธารณะควรใช้เครือข่าย VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ทั้งนี้เพื่อให้เรามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและมั่นใจในความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของเรา