ประเภทคีย์เวิร์ดคืออะไร? รู้จัก 7 ประเภทคีย์เวิร์ดที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO

ประเภทคีย์เวิร์ดคืออะไร? รู้จัก 7 ประเภทคีย์เวิร์ดที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO
KNmasters

คีย์เวิร์ด (Keyword) เป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสามารถเพิ่ม Traffic และโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าได้

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า คีย์เวิร์ดมีหลายประเภท และแต่ละประเภทมีบทบาทที่แตกต่างกันในการทำ SEO? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 7 ประเภทคีย์เวิร์ดหลัก ที่นักการตลาดออนไลน์ควรรู้ พร้อมวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

ประเภทของคีย์เวิร์ดในการทำ SEO

1. Short-Tail Keywords (คีย์เวิร์ดสั้น หรือ Broad Keywords)

คีย์เวิร์ดที่มี ความกว้างและเป็นคำสั้นๆ (1-2 คำ) มักมีปริมาณการค้นหาสูง แต่มีการแข่งขันสูง และอาจไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

ตัวอย่าง:

  • “รองเท้า”
  • “กาแฟ”
  • “มือถือ”

ข้อดี: ✅ ปริมาณการค้นหาสูง (High Search Volume) ✅ สร้างการเข้าชมเว็บไซต์จำนวนมาก

ข้อเสีย: ❌ การแข่งขันสูง (High Competition) ❌ ไม่กำหนดเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อไหร่ควรใช้? ใช้ในกรณีที่ต้องการเพิ่ม Brand Awareness และมีงบประมาณเพียงพอในการแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่

2. Long-Tail Keywords (คีย์เวิร์ดแบบยาว)

คีย์เวิร์ดที่มี 3 คำขึ้นไป และมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เหมาะสำหรับการทำ SEO สายคุณภาพ และช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ง่ายกว่า

ตัวอย่าง:

  • “รองเท้าผ้าใบสำหรับวิ่งผู้หญิง”
  • “มือถือราคาถูกไม่เกิน 10,000 บาท”
  • “เมล็ดกาแฟออร์แกนิค ยี่ห้อไหนดี”

ข้อดี: ✅ การแข่งขันต่ำ (Low Competition) ✅ อัตราการแปลงสูง (High Conversion Rate) ✅ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กและกลาง

ข้อเสีย: ❌ ปริมาณการค้นหาต่อเดือนน้อยกว่า Short-Tail Keywords

เมื่อไหร่ควรใช้? ใช้สำหรับ เนื้อหาบล็อก บทความแนะนำ และการทำ SEO ให้ติดอันดับง่ายขึ้น

3. Branded Keywords (คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับแบรนด์)

คีย์เวิร์ดที่มี ชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้าโดยตรง เหมาะสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยให้ผู้ที่ค้นหาแบรนด์ของคุณเจอเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่าง:

  • “iPhone 15 Pro Max”
  • “Nike Air Jordan”
  • “Starbucks เมนูแนะนำ”

ข้อดี: ✅ การแข่งขันต่ำหากเป็นแบรนด์ของคุณเอง ✅ ช่วยเพิ่ม Conversion Rate

ข้อเสีย: ❌ อาจไม่ได้ช่วยเพิ่ม Traffic ใหม่มากนัก เพราะคนที่ค้นหาส่วนใหญ่รู้จักแบรนด์อยู่แล้ว

เมื่อไหร่ควรใช้? ใช้สำหรับ การทำ SEO ของเว็บไซต์แบรนด์ หรือโฆษณา Google Ads เพื่อป้องกันคู่แข่งใช้ชื่อแบรนด์ของคุณในการทำโฆษณา

4. Commercial Keywords (คีย์เวิร์ดเชิงพาณิชย์)

คีย์เวิร์ดที่บ่งบอกถึง ความต้องการซื้อหรือเปรียบเทียบสินค้า มักใช้กับกลุ่มลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อ

ตัวอย่าง:

  • “รีวิวหูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี”
  • “เปรียบเทียบ iPhone 15 กับ Samsung S23”
  • “กาแฟดริป กับ กาแฟเอสเปรสโซ ต่างกันอย่างไร”

ข้อดี: ✅ นำไปสู่ Conversion สูง เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่พร้อมซื้อ ✅ เหมาะกับ Affiliate Marketing และ E-commerce

ข้อเสีย: ❌ อาจต้องใช้เวลาในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ

เมื่อไหร่ควรใช้? ใช้สำหรับ บทความรีวิว เปรียบเทียบสินค้า หรือเนื้อหาที่ช่วยลูกค้าตัดสินใจซื้อ

5. Transactional Keywords (คีย์เวิร์ดที่นำไปสู่การซื้อ)

คีย์เวิร์ดที่มี เจตนาซื้อ (Buyer Intent) เช่น คำที่มี “ซื้อ, ส่วนลด, โปรโมชั่น” มักใช้ในแคมเปญโฆษณาและ SEO ของเว็บไซต์ E-commerce

ตัวอย่าง:

  • “ซื้อ iPhone 15 ราคาถูก”
  • “สมัคร Netflix รายเดือน”
  • “โค้ดส่วนลด Lazada”

ข้อดี: ✅ อัตราการแปลงสูงสุด (Highest Conversion Rate) ✅ เหมาะสำหรับแคมเปญโฆษณา

ข้อเสีย: ❌ การแข่งขันสูง และอาจต้องใช้โฆษณาเพื่อให้ติดอันดับ

เมื่อไหร่ควรใช้? ใช้สำหรับ หน้า Landing Page หรือโฆษณา Google Ads และ Facebook Ads

6. Navigational Keywords (คีย์เวิร์ดนำทาง)

คีย์เวิร์ดที่ใช้สำหรับการค้นหาเว็บไซต์หรือหน้าหนึ่งโดยเฉพาะ

ตัวอย่าง:

  • “เข้าสู่ระบบ Facebook”
  • “LINE OA สมัครยังไง”
  • “Google Search Console วิธีใช้”

ข้อดี: ✅ นำพาผู้ใช้เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณโดยตรง ✅ เหมาะสำหรับแบรนด์ที่มีชื่อเสียง

ข้อเสีย: ❌ อาจไม่เหมาะกับการเพิ่มลูกค้าใหม่

เมื่อไหร่ควรใช้? ใช้สำหรับ เว็บไซต์ทางการของธุรกิจ และ หน้า Landing Page

7. LSI Keywords (Latent Semantic Indexing Keywords)

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลัก ซึ่งช่วยให้ Google เข้าใจบริบทของเนื้อหาได้ดีขึ้น

ตัวอย่าง:

  • คีย์เวิร์ดหลัก: “SEO คืออะไร”
  • LSI Keywords: “การทำ SEO On-Page”, “Backlink SEO”, “SEO กับ SEM ต่างกันยังไง”

ข้อดี: ✅ ช่วยให้ Google จัดอันดับเนื้อหาของคุณได้แม่นยำขึ้น ✅ ลดปัญหาการใช้คีย์เวิร์ดซ้ำเกินไป

เมื่อไหร่ควรใช้? ใช้สำหรับ เนื้อหาบล็อกและ SEO On-Page

สรุป

การเลือกประเภทคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ หากคุณต้องการเพิ่ม Traffic และยอดขายออนไลน์ การทำความเข้าใจคีย์เวิร์ดแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ติดต่อเรา

บทความที่เกี่ยวข้อง

KNmasters
ในโลกของการออกแบบเว็บไซต์ การสร้างแอนิเมชันและสไลด์โชว์ที่น่าสนใจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยดึงดูดผู้เข้าชม...
KNmasters
ในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว การปรับปรุงคุณภาพของรูปภาพก็เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าที่ไ...
KNmasters
ในยุคดิจิทัลที่การออกแบบ 3D และการสร้างโมเดลทางวิศวกรรมกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมต่างๆ ชื่อของ ...
KNmasters
ในปัจจุบันวิดีโอ (Video) กลายเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงบันเทิง ธุรกิจ การศึ...
KNmasters
ในยุคที่ วิดีโอ (Video Content) กลายเป็นสื่อที่ทรงพลังที่สุดบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบน YouTube, Fac...
KNmasters
หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมเล่นเพลงที่มีคุณภาพเสียงยอดเยี่ยม รองรับไฟล์หลากหลายรูปแบบ และใช้งานได้ง่าย A...