เว็บไซต์ (Website) หรือ เว็บบล็อก (Blog) การเลือกใช้ระบบจัดการเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในปัจจุบันมีหลายเครื่องมือที่สามารถช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และสองอันดับแรกที่มักจะมีคนพูดถึงกันอย่างแพร่หลายนั่นก็คือ WordPress และ Joomla นั่นเอง
ในบทความนี้เราจะมา เปรียบเทียบระหว่าง WordPress และ Joomla เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจเลือกระบบจัดการเนื้อหาที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
เวิร์ดเพรส (WordPress)
WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่มีความนิยมและได้รับการใช้งานอย่างกว้างขวางในการสร้างและดูแลเว็บไซต์ มันเป็นซอฟต์แวร์เปิดตัวที่ใช้ง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง ผู้ใช้งานทั่วไป รวมถึงมือใหม่ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการเขียนโค้ด สามารถใช้ WordPress เพื่อสร้างเว็บไซต์ขนาดกลางและเว็บบล็อกทั่วไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ มันยังเป็นระบบที่เหมาะสำหรับการทำ SEO และมีจำนวนเทมเพลตและปลั๊กอินที่มีอยู่ให้เลือกใช้งานมากมาย เป็นเหตุผลที่ WordPress เป็นที่นิยมในการสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามและมีประสิทธิภาพได้อย่างทันสมัย
จูมล่า (Joomla)
Joomla เป็นระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ที่เป็นซอฟต์แวร์เปิดตัวที่ใช้ในการสร้างและจัดการเว็บไซต์ โดยมีความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับแต่งที่สูง เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการสร้างเว็บไซต์ E-Commerce, เว็บไซต์ Social Network, หรือเว็บไซต์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดระเบียบและปรับแต่งเนื้อหา ระบบ Joomla มีการพัฒนาและรองรับจากชุมชนผู้ใช้งานอย่างแข็งแกร่ง และมีจำนวนเทมเพลตและปลั๊กอินที่สามารถติดตั้งเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับเว็บไซต์ได้ตามต้องการ
ตาราง เปรียบเทียบ WordPress และ Joomla
WordPress | Joomla | |
---|---|---|
ยูสเซอร์เนมที่ยากต่อการจดจำ | ง่าย | ยาก |
ระบบธีมและปรับแต่ง | ง่าย | ซับซ้อน |
ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ | ดี | ดี |
ฟังก์ชันการติดตามผู้เข้าชม | มี | ต้องใช้ปลั๊กอิน |
การค้นหาและ SEO | สะดวก | สะดวก |
รองรับหลายภาษา | มี | มี |
ความปลอดภัย | สูง | สูง |
เปรียบเทียบ WordPress และ Joomla
1. ยูสเซอร์เนมที่ยากต่อการจดจำ
เมื่อเริ่มต้นใช้งาน การจดจำยูสเซอร์เนมใน WordPress จะง่ายกว่าใน Joomla ซึ่ง WordPress ใช้ชื่อผู้ใช้ที่สร้างสำหรับการเข้าสู่ระบบ ในขณะที่ Joomla ใช้รหัสผ่านและยูสเซอร์เนมที่ซับซ้อนกว่า
2. ระบบธีมและปรับแต่ง
WordPress มีระบบธีมที่ง่ายต่อการใช้งานและปรับแต่ง คุณสามารถเลือกใช้ธีมที่ถูกสร้างมาให้แล้วหรือออกแบบธีมของคุณเองได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ Joomla มีการตั้งค่าและปรับแต่งที่ซับซ้อนกว่า คุณอาจต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการเรียนรู้การใช้งานและปรับแต่ง
3. ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ (Performance)
ทั้ง WordPress และ Joomla มีประสิทธิภาพที่ดีในการทำงานกับเว็บไซต์ของคุณ ความเร็วในการโหลดและการทำงานทั้งสองระบบจะเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ความสามารถของเซิร์ฟเวอร์ที่คุณใช้ และปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณยังส่งผลต่อประสิทธิภาพดังกล่าวด้วย
4. ฟังก์ชันการติดตามผู้เข้าชม
WordPress มีฟังก์ชันการติดตามผู้เข้าชมและสถิติพื้นฐานที่ใช้งานได้ง่ายในการติดตามผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ส่วน Joomla คุณต้องใช้ปลั๊กอินเสริมเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการติดตามผู้เข้าชมและสถิติ
5. การค้นหาและ SEO
ทั้ง WordPress และ Joomla มีฟังก์ชันการค้นหาและการจัดการ SEO ที่สะดวกและใช้งานได้ง่าย คุณสามารถเพิ่มและปรับแต่งเมตาแท็กสำหรับเว็บไซต์ของคุณเพื่อเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา
6. รองรับหลายภาษา (Multiple Languages)
ทั้ง WordPress และ Joomla สามารถรองรับการแปลเว็บไซต์เป็นหลายภาษาได้ คุณสามารถสร้างและจัดการเนื้อหาในหลายภาษาและปรับแต่งการแสดงผลของเว็บไซต์ของคุณตามความต้องการของกลุ่มผู้ใช้
7. ความปลอดภัย (Security)
ทั้ง WordPress และ Joomla มีระบบความปลอดภัยที่มีความเข้มงวด อย่างไรก็ตาม เพราะ WordPress เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากกว่า Joomla จึงมีจำนวนมากของผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาจพยายามโจมตีเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress อย่างไรก็ตาม โดยมากแล้วทั้งสองระบบมีระบบความปลอดภัยที่สูงและรองรับการอัปเดตเพื่อความปลอดภัยเช่นกัน
8. ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share)
ส่วนแบ่งการตลาดของ WordPress ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในแพลตฟอร์ม CMS โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดไปอย่างมาก ซึ่งมีร้อยละประมาณ 58% ของตลาด ในขณะที่ Joomla ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 7% เป็นอันดับที่สอง นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า WordPress มีความนิยมและมีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากกว่า Joomla ในระดับตลาด CMS
ข้อเปรียบเทียบ | WordPress | Joomla! |
---|---|---|
การติดตั้ง | ง่ายมาก โดยใช้ Softaculous หรือโปรแกรมช่วยติดตั้ง | ง่ายมาก โดยใช้ Softaculous |
ระดับการเรียนรู้ | ใช้เวลาไม่นาน | ช่วงแรกควรมีการแนะนำการใช้ แต่ใช้เวลาไม่นาน |
ความง่ายในการใช้งาน | ใช้งานง่าย | ใช้งานง่าย |
ราคา | สำหรับ Wiselab media ราคาทำเว็บด้วย WordPress หรือ Joomla! ไม่แตกต่างกัน | สำหรับ Wiselab media ราคาทำเว็บด้วย WordPress หรือ Joomla! ไม่แตกต่างกัน |
ใช้ทำเว็บอะไรได้บ้าง | ทำเว็บได้แทบทุกประเภท | ทำเว็บได้แทบทุกประเภท |
ขนาดของเว็บไซต์ | เหมาะกับเว็บไซต์ที่ไม่ซับซ้อน | เหมาะกับเว็บขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ หรือมีแนวโน้มจะขยายตัว |
การจัดการข้อมูลเชิงระบบ | ใช้เวลาแก้ไขนาน ยุ่งยากกว่า โอกาสผิดพลาดง่าย | จัดการเชิงระบบได้ดีกว่า เร็วกว่า ผิดพลาดน้อยกว่า |
รูปแบบความสวยงามของเว็บ | WordPress เรียกว่า Themes ธีม มีให้เลือกมากกว่า 51,427 Themes (อัปเดตล่าสุด) | Joomla! เรียกว่า Template เทมเพลท มีให้เลือกมากกว่า 1000+ เทมเพลท (อัปเดตล่าสุด) |
โปรแกรมเสริม | WordPress เรียกว่า Plugin ปลั๊กอิน มีให้เลือกประมาณ 58,363 ปลั๊กอิน (อัปเดตล่าสุด) | Joomla! เรียกว่า Extension มี 3 ส่วนคือ Component, Module, Plugin มีให้เลือกประมาณ 6000 Extension (อัปเดตล่าสุด) |
ความปลอดภัย Security | โปรแกรมหลักมีความปลอดภัยดี แต่ปลั๊กอินมักถูกโจมตีจาก Hacker, Malware | โปรแกรมหลักมีความปลอดภัยดี |
การรองรับการทำ SEO | SEO Friendly และมีปลั๊กอิน Yoast SEO ที่มีประโยชน์มาก | SEO Friendly ไม่แตกต่างกัน สามารถทำให้เว็บติดอันดับต้นๆใน Google ได้เช่นกัน |
ส่วนแบ่งของการใช้ CMS ทั่วโลก | 60% | 5% |
ในส่วนของการเปรียบเทียบระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ระหว่าง WordPress และ Joomla ดังนี้
- ส่วนแบ่งทางการตลาด:
- WordPress: ครองส่วนแบ่งทางการตลาดไปที่ 58%
- Joomla: ครองส่วนแบ่งทางการตลาดไปที่ 7%
- สถานะ Open Source:
- WordPress และ Joomla เป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่สามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรี
- พัฒนาโดยคอมมูนิตี้กว่า 1,000 กลุ่ม
- ภาษาและระบบฐานข้อมูล:
- เขียนด้วยภาษา PHP และใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล MySQL
- เทมเพลตและปลั๊กอิน:
- มีเทมเพลตสำหรับการออกแบบให้เลือกใช้งาน
- มีปลั๊กอินสำหรับเพิ่มคุณสมบัติต่างๆให้กับเว็บไซต์
ถึงแม้ว่าในภาพรวมจะมีความคล้ายคลึงกันระหว่าง WordPress, และ Joomla แต่ทั้งสองระบบนี้ยังมีความแตกต่างกันในกระบวนการสร้างเว็บไซต์อย่างละเอียด ดังนั้นการตัดสินใจเลือกใช้ระบบใดระบบหนึ่งอาจเป็นงานที่ยากและต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ความแตกต่างระหว่าง WordPress และ Joomla
CMS | WordPress | Joomla |
เกี่ยวกับเรา | WordPress เป็นซอฟต์แวร์ Open Source ที่ทำให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์, บล๊อก, แอพพลิเคชั่นได้อย่างสวยงาม | Joomla เป็นระบบจัดการเนื้อหาที่ได้รับรางวัล ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์และแอพลิเคชั่นออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ประเภทซอฟต์แวร์ | เป็น Open Source สามารถใช้งานฟรี | เป็น Open Source สามารถใช้งานฟรี |
ส่วนแบ่งการตลาด (CMS) | 58.9% | 7.0% |
การติดตั้ง | One-click Install ติดตั้งภายใน 5 นาที | One-click Install ติดตั้งภายใน 10 นาที |
การใช้งาน | เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมาก (5/5) | เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานในระดับหนึ่ง (4/5) |
ธีม | 4500+ Official Themes (ฟรี) 9500+ Premium Themes (ใน ThemeForest) | ไม่มีธีม Official 950+ Premium Templates (ใน ThemeForest) |
ปลั๊กอินและส่วนขยาย | 50,000+ Official Plugins (ฟรี) | 7500+ Official Extensions (ฟรี+เสียเงิน) |
เว็บไซต์ชั้นนำ | Chicaco Sun Times, Vogue India, Katy Perry | Michael Phelps – MP Brand, Discover Magazine, French West Indies |
เมื่อเปรียบเทียบระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ระหว่าง WordPress และ Joomla สามารถสรุปคุณสมบัติและความเหมาะสมต่อผู้ใช้งานได้ ดังนี้
WordPress:
- การติดตั้งง่ายและมีการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานใหม่
- เหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ขนาดกลางและเว็บบล็อกทั่วไป
- มีความเหมาะสมสูงสำหรับการทำ SEO
- มีจำนวนปลั๊กอินและเทมเพลตที่มากที่สุดในชุดเครื่องมือ
Joomla:
- มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานในระดับหนึ่ง
- มีความยืดหยุ่นและลูกเล่นให้สามารถปรับแต่งได้มากกว่า WordPress
- เหมาะสำหรับเว็บไซต์ E-Commerce และเว็บไซต์ Social Network
อย่างไรก็ตามความเหมาะสมของระบบจัดการเนื้อหา (CMS) ยังขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งานเอง ผู้ใช้งานควรพิจารณาดูคุณสมบัติและความเหมาะสมของแต่ละระบบเพื่อให้เลือกใช้งานตามความต้องการและความถนัดของตนเอง
สรุป
เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่าง WordPress และ Joomla ทั้งสองระบบจัดการเนื้อหานั้นมีคุณสมบัติและความสามารถที่หลากหลาย การเลือกใช้ระบบจัดการเนื้อหาที่เหมาะสมกับคุณควรพิจารณาถึงความง่ายในการใช้งาน การปรับแต่ง ประสิทธิภาพ เครื่องมือ SEO ความสามารถในการรองรับหลายภาษา และความปลอดภัยของระบบ
คุณสามารถเลือกใช้ WordPress หากคุณต้องการระบบที่ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันการติดตามผู้เข้าชมและการจัดการ SEO ที่สะดวก และคุณสามารถเลือกใช้ Joomla หากคุณต้องการระบบที่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและการรองรับหลายภาษาอย่างครบถ้วน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q : WordPress และ Joomla เหมาะสมสำหรับงานที่ใด?
A : สองระบบนี้เหมาะสำหรับการใช้งานเว็บไซต์หรือบล็อกที่มีความซับซ้อนต่างกัน ถ้าคุณต้องการระบบที่ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันการติดตามผู้เข้าชมและการจัดการ SEO ที่สะดวก คุณควรเลือกใช้ WordPress แต่ถ้าคุณต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและการรองรับหลายภาษา คุณควรเลือกใช้ Joomla
Q : ฉันสามารถเปลี่ยนระบบจัดการเนื้อหาได้หากฉันต้องการ?
A : ใช่ คุณสามารถเปลี่ยนระบบจัดการเนื้อหาได้ แต่ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของข้อมูลและการปรับแต่งก่อนที่จะดำเนินการเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลหรือปัญหาการนำเข้าข้อมูล
Q : ฉันสามารถใช้ปลั๊กอินใน WordPress และ Joomla ได้หรือไม่?
A : ใช่ ทั้ง WordPress และ Joomla รองรับการใช้งานปลั๊กอินเสริมเพื่อเพิ่มฟังก์ชันและความสามารถเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของคุณ
Q : ฉันจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญเทคนิคเพื่อใช้งาน WordPress หรือ Joomla หรือไม่?
A : ไม่จำเป็น ทั้ง WordPress และ Joomla มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและมีคู่มือการใช้งานเพื่อช่วยคุณในกระบวนการเรียนรู้และใช้งานระบบ
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่
Facebook: KNmasters
Instagram: knmasters.official
Tiktok: knmasters.official
Youtube: Knmasters Official
Twitter: KNmasters Official
Email: knmasters.official@gmail.com
Website: https://www.knmasters.com
LINE: https://lin.ee/nTKZI9w